svasdssvasds

จะเป็นไปได้ไหม ? ดึงสินค้าแบรนด์เนมหรูระดับโลก ร่วมมือท้องถิ่นไทย

จะเป็นไปได้ไหม ? ดึงสินค้าแบรนด์เนมหรูระดับโลก ร่วมมือท้องถิ่นไทย

จะเป็นไปได้ไหมที่แบรนด์หรูระดับโลก ในเครือ LVMH จะมาลงทุนในไทยหลังจากที่นายก บินไปจับมือไกลถึงปารีส พร้อมเสนอร่วมมือท้องถิ่นไทย

ปารีสแฟชั่นวีครอบนี้ไม่ได้มีแค่เหล่า ดารา เซเลปเท่านั้นที่บินตรงไปลงฝรั่งเศส เพราะนายก เศรษฐา ทวีสิน ก็ไป นัดพบหารือกับบุคคลสำคัญของโลกแฟชั่นและสินค้า Luxury ถึง 2 คนด้วยกัน 
คนแรก คือ 'เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์' CEO of LVMH Group ที่เป็นอาณาจักรสินค้า Luxury อันดับ 1 ของโลก ที่มีแบรนด์หรูในมือกว่า 75 แบรนด์ มีธุรกิจหลายประเภท เช่น แฟชั่น เครื่องสำอาง น้ำหอม สุรา นาฬิกา อัญมณี โรงแรม เรือยอร์ช สวนสนุก ถ้าให้ไล่ทั้งหมดคลิปนี้จะยาวเกินไป 

ซึ่งในการพบครั้งนี้ นายกก็ได้พูดถึงมรดกงานฝีมือของไทยอย่างผ้าไหม พร้อมเชื้อเชิญกลุ่ม LVMH มาร่วมมือใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาเสริมสร้างเทคนิคและพัฒนาผ้าไทยในสินค้ากลุ่ม Luxury 

ทุกคนลองนึกภาพตามแบรนด์ต่างๆอย่าง  Louis Vuitton, Christian Dior, Celine, Givenchy ,Fendi, loro piana, Bulgari, Tiffany & Co., TAG Heuer ใช้ผ้าไหมของไทยที่มาจากท้องถิ่นจากภูมิปัญญาของไทยจริงๆผลิตเป็นชิ้นงานวางขายไปทั่วโลกก็คงจะเก๋ไม่ใช่น้อย

ส่วนคนที่ 2 นั่นก็คือ Jean-Marc Duplaix, Deputy CEO บริษัท Kering  อยู่ในกลุ่มสินค้าLuxury รายใหญ่อันดับ 4 ของโลก พูดง่ายๆก็คือ บ.แม่ของ Gucci, Saint Laurent, Balenciaga, Bottega Veneta และ Alexander McQueen และอื่นๆอีกมากมาย โดยการพบเจอกันครั้งนี้ทางนายกได้เชื้อเชิญให้บริษัท Kering ขยายสาขาเพิ่ม พร้อมกับให้มาเปิดสำนักงานภูมิภาคที่ประเทศไทย ทางนั้นก็ดูสนใจเพราะฐานลูกคาในประเทศไทยก็แน่เนืองพอสมควร

ข้อดีของการที่แบรนด์หรูระดับโลกเหล่านี้หันมาสนใจประเทศไทยอย่างแรกเลยก็คงเป็นเรื่องของการจ้างงานในไทย ดีไปกว่านั้นก็คือการใช้วัสดุท้องถิ่นในการผลิตชิ้นงาน และถ้าสามารถทำให้ประเทศไทยเป็น Shopping Paradise อย่างที่นายกหวังได้ ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแรงจูงใจที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้เข้ามาใช้จ่ายในบ้านเราได้มากขึ้น แต่ทั้งนี้ก็คงมีปัจจัยที่ต้องคุยกันอย่ายอย่างทั้ง เรื่องภาษี หรือของละเมิดลิขสิทธิ์ต่างๆ แต่ตอนนี้ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดี ที่ LV The Place เลือกเปิดที่ Bangkok เป็นที่แรกในโลก