ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย ตั้งบรรทัดฐานการเมือง การหาเสียงด้วยการแก้ไข ม.112 ถือว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง
ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย คดีหาเสียงแก้ไขมาตรา 112 ถือว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง โดยมีผู้ถูกร้องคือ
โดยวินิจฉัยว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง และสั่งการให้ผู้ถูกร้องทั้งสองเลิกการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่นเพื่อให้มีการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
เพราะว่าต้องมีการคุ้มครองความมั่นคงของประเทสและเกียรติยศของประมุข ไปสอดคล้องกับรัฐสอดคล้องกับรับธรรมนูญมาตรา 2 ที่บัญญัติรับรองว่าประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สถาบันพระมหากษัตริย์จึงมีความสัมพันธ์ต่อความมั่นคงของประเทศ เพราะพระมหากษัตริย์กับชาติไทยดำรงอยู่เป็นเนื้อเดียวกัน การกระทำความผิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์จึงเป็นการกระทำความผิดต่อความมั่นคงของประเทศด้วย
อีกทั้งไม่ให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ด้วยวิธีการซึ่งไม่ใช่กระบวนการทางนิติบัญญัติโดยชอบ ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตด้วย
การที่ผู้ถูกร้องทั้งสองเสนอร่างแก้ไขมาตรา 112 และใช้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้งดังกล่าว มีเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นเหตุให้ชำรุด ทรุดโทรม เสื่อมทราม หรืออ่อนแอลง นำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในที่สุด
หลังจากมีคำวิจฉันออกมา ทีมบริหารพรรคก้าวไกลได้มีการแถลงเรื่องนี้ที่รัฐสภา
นำโดย คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกลและ คุณชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบัน กังวลว่าผลตัดสินในวันนี้ จะมีผล
กระทบต่อการเมืองในระยะยาว
การตีความที่ไร้ขอบเขตของศาลไม่มีหลักเกณฑ์ชี้ชัดแน่นอน ว่าอะไรทำได้ไม่ได้ สามารถพูดถึงเรื่อง ม.112 ได้ไหม การประกันตัวผู้ที่ถูกกล่าวหา ด้วยมาตรา 112 จะกลายเป็นคนผิดด้วยหรือเปล่า อาจทำให้ประเทศสูญเสียโอกาสในการหาข้อยุติความขัดแย้งในรัฐสภา และอาจส่งผลกระทบให้ประเด็นพระมหากษัตริย์กลายเป็นปมความขัดแย้งมากขึ้น ส่งผลต่อสถาบันเสียเอง
ส่วนเรื่องของ สส.44 คนที่เคยร่วมรณรงค์ยกเลิก ม.112 จะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไหม
หัวหน้าพรรคก้าวไกลมองว่าไม่ควรเกิดขึ้น จะยิ่งทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์
เป็นความขัดแย้งมากยิ่งขึ้น ซึ่งทางพรรคก้าวไกลพยายามทำให้ ม.112 ไม่เป็นเครื่องมือทางการเมืองและเอามาสร้างความขัดแย้ง พร้อมตั้งคำถามว่า การที่หาเสียงด้วยการเอารูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ไปใช้บนเวทีหาเสียงและ อ้างว่าจงรักภักดี จะถือว่าผิดด้วยหรือไม่ ?
ถ้านับจากตอนนี้คือยังไม่ถูกยุบ แต่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ อาจเป็นสารตั้งต้น ที่ใครสักคนเอาไปยื่นคำร้องต่อ และอาจนำมาซึ่งการตัดสินยุบพรรคก้าวไกล รวมถึงตัดสิทธิ์ทางการเมืองการของ คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์