ส.ว.พีระศักดิ์ พอจิต มอบโล่ห์ประกาศเกียรติคุณตามโครงการ "ทำดี มีคนรู้" ให้กับ พล.อ.ต.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา และในฐานะเลขาธิการมูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์ ผู้ทำความดีต่อสังคมและประเทศด้านการสาธารณสุข
นายพีระศักดิ์ พอจิต สมาชิกวุฒิสภา ประธานกรรมการ คณะกรรมการดำเนินการจัดกิจกรรมอันเป็นสาธารณประโยชน์เพื่อสังคมและกิจกรรมนันทนาการของวุฒิสภา พร้อมคณะมอบโล่ห์ประกาศเกียรติคุณตามโครงการ "ทำดี มีคนรู้" ให้กับ พล.อ.ต.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา และในฐานะเลขาธิการมูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์ ผู้ทำความดีต่อสังคมและประเทศด้านการสาธารณสุข
โดยนายพีระศักดิ์ ระบุถึงที่มาโครงการ ว่า ทางคณะกรรมการได้พิจารณาร่วมกันเห็นชอบที่จะเชิดชูเกียรติยกย่อง พล.อ.ต.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา และในฐานะเลขาธิการมูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์ด้วยการมอบโล่ห์ให้เป็นเกียรติประวัติ ยกย่องเชิดชูเป็นบุคคลดีเด่นด้านสาธารณสุขเนื่องจากเป็นศูนย์กลางในการปฎิบัติงานช่วยเหลือสังคมมายาวนานกว่า 10 ปี
เป็นบุคคลที่ใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในสาขาวิชาชีพด้านการสาธารณสุข เพื่อสร้างสาธารณประโยชน์ให้กับสังคมและประเทศ ซึ่งมีผลงานเชิงประจักษ์ที่สำคัญในการเป็นแพทย์อาสา ที่มีความเสียสละ ช่วยเหลือประชาชนในโครงการและในพื้นที่ต่างๆ มาอย่างยาวนานและต่อเนื่อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ขณะที่ พล.อ.ต.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา ระบุว่า ขอขอบคุณวุฒิสภาที่มองเห็นผู้ที่ทำความดีในพื้นที่ ซึ่งตนเองเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้นยังมีอีกหลายคนที่อยู่ในพื้นที่ ที่ร่วมกันช่วยเหลือในแต่ละโครงการและขอมองรางวัลที่ได้ในครั้งนี้ให้กับจิตอาสาทุกคนที่ช่วยกันทำงานโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน และมั่นใจว่าจะชนะโควิด19 ได้จากการร่วมด้วยช่วยกัน
ซึ่งโครงการต่างๆที่ทำมาได้รับแรงบันดาลใจได้มาจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 9 ซึ่งแต่ละโครงการออกมาโดยแพทย์หน่วยงานต่างๆ และแพทย์อาสา ไปช่วยเหลือประชาชน คนเจ็บป่วยและคนด้อยโอกาส
โดยแต่ละโครงการจะสำเร็จไม่ได้เลยถ้าไม่มีเหล่าจิตอาสาที่มารวมตัวกันทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม
เนื่องจากการสาธารณสุข หลายอย่างยังมีช่องว่างแม้ที่ผ่านมาจะพัฒนากันอย่างเต็มที่ แต่ก็ยังพบว่าในที่ห่างไกล ทุรกันดารและในต่างจังหวัดแต่ละพื้นที่ยังมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญไม่เพียงพอในการดูแลประชาชน ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในส่วนกลางก็เต็มใจที่จะเป็นจิตอาสา พอมีการวมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจิตอาสา ลงไปจะทำให้มีการขับเคลื่อนมาตลอด 9 ปี ซึ่งได้มีการทำหน่วยแพทย์อาสาลงไปในแต่ละพื้นที่ในต่างจังหวัด ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนให้มีการสำรวจล่วงหน้าว่า ประชาชนต้องการอะไร มีคนไข้รอรักษาโรคอะไร และมีคนไข้รอผ่าตัดกี่คน
ที่เป็นระดับสูงที่จะต้องไม่ให้คนไข้เดินทางมารักษาส่วนกลางเองแต่เป็นหมอจากส่วนกลางเดินทางไปรักษาในพื้นที่ โดยใน1ปี หมอจะเดินทางไปตรวจรักษาคนไข้ ประมาณ 1 จังหวัด หรือ มากกว่า ซึ่งทุกโครงการอยู่ภายใต้มูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์ โดยในช่วงโควิด19 มีโครงการเกิดขึ้นประมาณ 16 โครงการ เช่น โรงพยาบาลสนาม หลังคาอุ่นใจ แจกเครื่องผลิตออกซิเจน แจกอาหาร และยาเวชภัณฑ์ต่างๆจนถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์
โดยปีที่ผ่านมาได้มอบอุปกรณ์ต่างๆไปมากกว่า 100 ล้านบาทร่วมกับสภากาชาดไทย โดยในปีนี้ก็จะการมอบอุปกรณ์ต่างๆต่อไป