ฟุตบอลโลก 2022 เดินทางมาถึงรอบรองชนะเลิศแล้ว ค่ำคืนนี้ 13 ธ.ค 65 อาร์เจนติน่า - โครเอเชีย และค่ำคืนพรุ่งนี้ 14 ธ.ค. ฝรั่งเศส - โมร็อกโก ซึ่งตัวแทนจากทั้ง 4 ชาติที่ทะลุเข้ามาถึงรอบตัดเชือกเวลานี้ มีประวัติศาสตร์และเกร็ดสถิติมากมาย ที่เกิดขึ้นและ กำลังจะเกิดขึ้น
1). อาร์เจนติน่า - โครเอเชีย ถือเป็นรอบรองฯ อีกคู่ที่น่าสนใจ เพราะนี่คือการเจอกันของสุดยอดเบอร์ 10 แห่งยุคอย่างลูก้า โมดริช และ ลีโอเนล เมสซี่ ซึ่งทั้งคู่ กลายเป็นนักเตะที่ติดทีมชาติของตัวเองมากที่สุดในประวัติศาสตร์อยู่ตอนนี้ นั่นคือ โมดริช เล่นทีมชาติไปแล้ว 160 นัด ติดทีมชาติตั้งแต่ปี 2006 , ส่วนลีโอเนล เมสซี่ ติดทีมชาติ 170 นัด ติดมาตั้งแต่ปี 2005 ซึ่งจากอายุที่ล่วงเลยมาขนาดนี้ นี่น่าจะเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของทั้งคู่แล้ว
2). ลีโอเนล เมสซี่ ยังถือเป็นดาวซัลโวสูงสุดของทีมชาติอาร์เจนติน่าอีกด้วย เพราะเขายิงไปแล้ว 95 ประตู , ขณะที่อันดับ 2 บาติโก กาเบรียล บาติสตูต้า ที่ยิงไป 56 ประตู
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
3) สำหรับ อาร์เจนติน่า และ โครเอเชีย เคยเจอกันมาในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2 ครั้ง นั่นคือในฟุตบอลโลก 1998 ซึ่งครั้งนั้น โครเอเชีย เข้าร่วมฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก , โดยเวลานั้น อาร์เจนติน่า ชนะ 1-0 , ส่วนการเจอกันครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อ 4 ปีที่แล้ว เป็นการแข่งขันในรอบแรกเช่นกัน โครเอเชีย ชนะ 3-0 โดยเมื่อ 4 ปีที่แล้ว คนยิงใส่อาร์เจนติน่า ได้แก่ อันเต เรบิช,อิวาน ราคิติช และ ลูก้า โมดริช , ซึ่งในเกมฟุตบอลโลก 2022 รอบรองครั้งนี้ โมดริช ในวัย 37 ก็ยังเล่นให้ ตราหมากรุกอยู่
4). สำหรับ ทีมชาติโครเอเชีย และ อาร์เจนติน่า เป็นเทพแห่งการดวลจุดโทษในฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย โดย โครเอเชีย เคยต้องดวลลูกโทษ ตัดสินผู้แพ้-ชนะมาแล้ว 4 ครั้งในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย (ปี 2018 2 ครั้ง และ ปี 2022 อีก 2 ครั้ง) ทีมชาติโครเอเชีย เอาชนะการดวลจุดโทษได้ ทุกครั้ง 100 เปอร์เซนต์
ขณะที่ ทีมชาติอาร์เจนติน่า ดวลจุดโทษในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาแล้ว 6 ครั้ง ฟ้าขาว ชนะได้ 5 ครั้ง (1990 ดวลจุดโทษ 2 ครั้ง, 1998, 2014, 2022) และ แพ้ 1 ครั้ง โดยครั้งที่แพ้นั้น อาร์เจนติน่าแพ้ต่อเยอรมนี ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก 2006
5). อีกคู่หนึ่งในรอบรองฯ ก็น่าสนใจ ที่ โมร็อกโก จะพบกับ ฝรั่งเศส , ทราบหรือไม่ว่า ทีมชาติโมร็อกโก เป็นชาติแรกของแอฟริกา ที่ได้ทะลุเข้าถึงรอบรองฯ หรือรอบ 4 ทีมสุดท้าย และคราวนี้ต้องมาเจอกับ "ของหนัก" อย่างฝรั่งเศส และการเข้ารอบรองฯของโมร็อกโก ก็ทำให้ วาลีด เรกรากี อดีตนักเตะทีมชาติโมร็อกโก กลายเป็นโค้ชเชื้อสายแอฟริกาคนแรก ที่พาทีมเข้าถึงรอบรองฯ ฟุตบอลโลก ได้สำเร็จ
6). สำหรับ วาลีด เรกรากี ผู้จัดการทีมโมร็อกโก นั้นน่าสนใจมาก เพราะเขาคือกุนซือที่เพิ่งเข้ามารับงานไม่นาน โดยเขาเพิ่งมาคุมทีมแทนที่ วาฮิด ฮาลิลฮ็อดซิช ที่เพิ่งโดนปลดออกไป เพราะขัดแย้งกับสมาคมฟุตบอลโมร็อกโก ทั้งที่ เป็นคนพาทีมได้สิทธิ์ไปลุยฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้
.
7) .ทีมชาติโมร็อกโก เป็นชาติที่ 3 ในประวัติศาสตร์ ที่ไม่ใช่ ประเทศจากยุโรปหรืออเมริกาใต้ ที่ได้ทะลุเข้าถึงรอบ 4 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก นับตั้งแต่มีการแข่งขันกันเมื่อ 1930 โดยโมร็อกโก ทำสถิตินี้ ต่อจาก สหรัฐฯ (ฟุตบอลโลก 1930) และ เกาหลีใต้ (ฟุตบอลโลก 2002)
8). ทีมชาติฝรั่งเศส ตราไก่ เป็นแชมป์โลก ทีมแรก ที่สามารถทะลุเข้าสู่รอบรองฯ ฟุตบอลโลกได้ เป็นครั้งแรก ในรอบ 24 ปี นับตั้งแต่ฟุตบอลโลกปี 1998 ซึ่ง ตอนนั้น บราซิล แชมป์โลก ปี 1994 สมารถทะลุเข้าถึงรอบรองฯ ฟุตบอลโลกได้ อย่างไรก็ตาม ในฟุตบอลโลก 1998 บราซิลก็ไปไม่ถึงดวงดาว
9.) ฮูโก้ ยอริส กัปตันทีมชาติฝรั่งเศส เพิ่งทำสถิติลงเล่นให้ทีมชาติฝรั่งเศสมากที่สุด 143 นัด แซงหน้าสถิติของ ลิลิยง ตูราม ตำนานกองหลังทีมชาติ ชุดแชมป์โลก 1998 ที่ทำไว้ 142 นัด และ ฮูโก้ ยอริส ก็มีสิทธิ์ยืดสถิติออกไปเรื่อยๆ (และทราบหรือไม่ว่า มาร์คุส ตูราม ลูกชายของลิลิยง ตูราม ก็ติดทีมชาติฝรั่งเศสชุดนี้ มาลุยฟุตบอลโลก 2022 ด้วย)
10.) โอลิวิเยร์ ชิรูด์ กองหน้าวัย 36 ปี ของสโมสรเอซี มิลาน ของทีมชาติฝรั่งเศส ณ เวลานี้ เขาได้กลายเป็นดาวยิงสูงสุดของทีมชาติ เพราะซัลโวในทัวร์เมนต์ฟุตบอลโลก 2022 ไปแล้ว 4 ประตู และเขายิงให้ทีมชาติไปแล้ว 53 ประตู แซงหน้าสถิติยิงสูงสุดของเธียร์รี่ อองรี ที่ยิงไว้ 51 ประตูให้ตราไก่ ฝรั่งเศส ไปแล้ว
• ดาวซัลโวสูงสุดทีมชาติฝรั่งเศส
โอลิวิเยร์ ชิรูด์ – 53 ประตู (118 นัด)
เธียร์รี อองรี – 51 ประตู (123 นัด)
อองตวน กรีซมันน์ – 42 ประตู (115 นัด)
มิเชล พลาตินี – 41 ประตู ( นัด72)
คาริม เบนเซม่า – 37 ประตู (97 นัด)