พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นั่งหัวโต๊ะ ประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ พิจารณาขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2022 โดยไทยต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 มูลค่า 33 ล้านดอลลาร์ และต้องจ่ายครึ่งหนึ่ง ก่อนวันที่ 20 พ.ย.
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ โดยมี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีท่องเที่ยวและกีฬา นายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่า กกท. และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม โดยมีวาระการพิจารณาขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2022 จากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ
พล.อ.ประวิตร ให้ความเห็นว่า การประชุมในวันนี้มีเรื่องพิจารณาที่สำคัญ เร่งด่วน และอยู่ในความสนใจของประชาชน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ และสังคม ของประเทศไทย ขอให้ กกท. และผู้ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย เพื่อบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ และขอขอบคุณคณะกรรมการทุกท่านที่ให้ความสำคัญกับประชาชน รวมถึงผู้ด้อยโอกาส ให้มีโอกาสรับชมการแข่งขันกีฬาระดับโลกอย่างทั่วถึง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• กกท.ระดม 1.2 พันล้าน จ่ายค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 เปรยมีคนสนใจลงขันเพิ่มอีก
ขณะเดียวกัน นายก้องศักดิ์ ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยกับรายการทางโทรทัศน์เช้านี้ว่า ไทยอยู่ระหว่างการเตรียมเม็ดเงินเพื่อชำระค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2022 ซึ่งมูลค่า 33 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,180 ล้านบาท และมีภาระภาษีอีก 15% ซึ่งจะต้องจ่าย 2 งวด งวดแรกประมาณ 50% ก่อนวันที่ 20 พ.ย.65 ซึ่งในวันนั้น ถือเป็นวันนัดเปิดสนามฟุตบอลโลก ระหว่าง กาตาร์ - เอกวาดอร์ ส่วนงวดที่ 2 จะจ่ายหลังจากนั้น 1 สัปดาห์
กกท.อยู่ระหว่างการเจรจากับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ใช้เงินอย่างระมัดระวัง ประหยัด และ เนื่องจากการจ่ายค่าลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก 2022 ให้กับทางฟีฟ่ามีความกระชั้นชิด ทำให้คณะกรรมการ กกท. และคณะกรรมการกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ ต้องพิจารณายืมเงินจากกองทุนฯ ออกมาจ่ายไปก่อน เมื่อทางภาคเอกชนที่เป็นผู้สนับสนุนให้เงินมาแล้วก็จะนำไปคืนกองทุนฯ
ขณะนี้มีภาคเอกชนสนใจร่วมสนับสนุนเงินค่าลิขสิทธิ์เพิ่มเติมจากที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ 3 ราย คือ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) , บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ และ บมจ.ปตท. (PTT) โดย กกท.จะพยายามหาผู้สนับสนุนให้ได้มากที่สุด เพื่อประหยัดงบประมาณภาครัฐ ส่วนรายละเอียดว่าภาคเอกชนแต่ละรายจะให้เงินสนับสนุนจำนวนเท่าใดนั้นคงต้องรอคำยืนยันอีกครั้ง โดยภายในวันนี้จะต้องดำเนินการในเรื่องเอกสารให้เสร็จเรียบร้อย