วงการฟุตบอล อินโดนีเซีย ถูกบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์จากโศกนาฏกรรมสนามฟุตบอล ที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก บทเรียนจากในอดีตที่ยังย้อนกลับมาให้ทบทวนซ้ำอีกครั้งเพื่อย้ำเตือนถึงความปลอดภัยและการจัดการเหตุการณ์รุนแรงโดยเจ้าหน้าที่
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์สูญเสีย เหยียบกันตาย ที่สนามฟุตบอลอินโดนีเซีย ระหว่างทีม อาเรมา เอฟซี (Arema FC) และ เปอร์เซบายา สุราบายา (Persebaya Surabaya) ที่สนามกีฬาคานจูรูฮัน ในเมืองมาลัง
โดยล่าสุดมีรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 125 ราย (3 ตุลาคม) จนทำให้วงการฟุตบอล นำโดยฟีฟ่าและคนทั่วโลกจับตามอง ร่วมติดตามการจัดการที่จะต้องมีรายงานออกมาหลังจากนี้ เพื่อหาชนวนเหตุที่ทำให้เหตุการณ์นี้กลายเป็นโศกนาฏกรรมร้ายแรงอีกครั้งในหน้าประวัติศาสตร์ที่ต้องจดจำและถอดบทเรียนกันอีกครั้งเพื่อช่วยกันหยุดเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น
“The football world is in a state of shock following the tragic incidents that have taken place in Indonesia at the end of the match between Arema FC and Persebaya Surabaya at the Kanjuruhan Stadium." - FIFA President Gianni Infantino.
— FIFA Media (@fifamedia) October 2, 2022
Full statement: https://t.co/dksCbowInH
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ถอดบทเรียนอดีตโศกนาฏกรรมสนามฟุตบอล : เหตุเหยียบกันตาย แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ
ย้อนรอย รถแก๊สระเบิด ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ 24 กันยายน 2533 กลายเป็นทะเลเพลิง
ซึ่งเมื่อต้นปี 2022 ในเดือนมกราคมที่ผ่านมาก็เพิ่งมีข่าวสลดที่เกิดขึ้นในการแข่งขันแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ 2022 ที่ประเทศแคเมอรูน จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 6 ราย คาดว่าสาเหตุของเหตุการณ์ชุลมุนมาจากแฟนบอลจำนวนมากที่ต้องการเข้าไปชมในสนามจนทำให้เบียดเสียดและกลายเป็นข่าวเศร้ารับต้นปี
ทั้งนี้เป็นที่น่าสนใจว่าฟีฟ่ามอบสิทธิ์ในปี 2023 ให้ประเทศอินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี จะมีมาตราการการป้องกันอย่างไรต่อไป เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กับทั้งแฟนบอลอินโดนีเซียและแฟนๆ จากประเทศที่จะร่วมลงแข่งขันทั้งหมด 24 ประเทศ จาก 5 ทวีป ที่ควรเฝ้าระวัง ซึ่งในเบื้องต้น FIFA ได้ตรวจสอบมาตราฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการจัดแข่งขันในวันที่ 20 พฤษภาคม-11 มิถุนายนที่่จะถึง โดยผลประเมินเบื้องต้นสนามจัดแข่งขันอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพึงพอใจ
ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในอินโดนีเซียจึงทำให้มีกองเชียร์ แฟนบอลติดตามและให้กำลังใจทีมโปรดกันอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ ซึ่งความคลั่งไคล้ชื่นชอบนี้ส่วนหนึ่งกลายเป็นความรุนแรงนอกสนาม จากรายงานของ Save Our Soccer ที่เป็นหน่วยงานเฝ้าระวังความเคลื่อนไหววงการฟุตบอลอินโดนีเซีย ได้รวบรวมสถิติความรุนแรงในรอบ 28 ปี พบว่ามีรายงานผู้เสียชีวิต 78 รายจากเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเกมฟุตบอล
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2007 เป็นครั้งสุดท้ายที่อินโดนีเซียจัดการแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติครั้งใหญ่ ร่วมกับ ไทย มาเลเซีย และเวียดนาม
ส่วนหนึ่งของเหตุการณ์เศร้าและความขัดแย้งในอดีตที่เกิดขึ้นในวงการฟุตบอลอินโดนีเซีย มีดังนี้
ในปี 2015
ฟีฟ่ามีคำสั่งคว่ำบาตรอินโดนีเซียสืบเนื่องจากการบริหารงานและการคอร์รัปชันในองค์กรของ นูร์ดิน ฮาลิด
ในปี 2016
การแข่งขันระหว่าง เปอร์ซิบ บันดุง และ เปอร์ซิจา จาการ์ต้า เกิดเหตุแฟนบอลจาการ์ตาเสียชีวิต จนทำให้ กองเชียร์เปอร์ซิบ บันดุงถูกแบน
เกมการแข่งขันระหว่างเปอร์ซิยาและเปอเซลา ลามองกัน แฟนบอลที่ชื่อมูฮัมหมัด ฟาห์เรซา วัย 16 ปี เสียชีวิตโดยตำรวจถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง จึงทำให้เกิดการเดินขบวนเรียกร้องความยุติธรรมและยุติความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปฏิบัติงาน
ในปี 2018
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ในการแข่งขันฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย มีผู้เสียชีวิตเป็นครั้งที่ 7 ในรอบ 6 ปี โดยมีพยานเล่าว่าเห็นเจ้าหน้าที่ทุบตีแฟนบอลด้วยไม้และโล่ ก่อนยิงถังแก๊สน้ำตาเข้าไปในฝูงชนโดยตรง
ในปี 2019
การแข่งขันรอบคัดเลือกสำหรับฟุตบอลโลก FIFA World Cup ระหว่างทีมชาติอินโดนีเซียและชาติมาเลเซีย เกิดการทะเลาะวิวาทระหว่างแฟนบอลของสองทีม โดยแฟนบอลชาวมาเลเซียถูกขู่และขว้างปาด้วยอาวุธในระหว่างการแข่งขันฟุตบอลที่กรุงจาการ์ตา
เดือนมิถุนายนแฟนบอลเปอร์ซิบ บันดุง 2 รายเสียชีวิต เนื่องจากถูกเบียดเสียด เพื่อแย่งกันเข้าชมการแข่งขันชิงถ้วยประธานาธิบดีปี 2022
ซึ่งใกล้เคียงกับเหตุการณ์สลดเหยียบกันตายที่ฟุตบอลอินโดนีเซียครั้งนี้ที่มีปัจจัยน่าสนใจ ประกอบด้วย
ทั้งนี้ FIFA ที่เป็นองค์กรกำกับดูแลกีฬาฟุตบอล สั่งห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในสนามหรือตำรวจใช้แก๊สน้ำตาเพื่อควบคุมฝูงชน
จากในอดีตที่เคยมีเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างการแข่งขันฟุตบอล สาเหตุเกิดขึ้นนั้นอาจมาจากเบื้องหลังที่เกี่ยวโยงกับประวัติศาสตร์ การเมืองและเขตพื้นที่ซึ่งทีมฟุตบอลที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาจนเป็นที่รู้กันดีมีอยู่ด้วยกัน อาทิ
ที่มา