ศูนย์อำนวยการน้ำเฉพาะกิจ เกาะติดสถานการณ์พายุ “โพดุล” เข้าอีสาน-เหนือ ลุ้นน้ำไหลเข้าภูมิพล-สิริกิติ์เพิ่ม หลังประเมินพื้นที่ภาคเหนือ อีสานบน มีทิศทางดีขึ้น เตรียมพร้อมแก้ปัญหาในพื้นที่เสี่ยงภาวะน้ำล้นตลิ่ง คาดพายุเข้ามาช่วยเติมน้ำได้อีกในช่วงปลาย ก.ย.-ต.ค. นี้
วันที่ 30 ส.ค. 2562 นายสำเริง แสงภู่วงค์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการน้ำเฉพาะกิจ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมศูนย์อำนวยการน้ำเฉพาะกิจ เพื่อติดตามสถานการณ์พายุ “โพดุล”ที่ส่งผลกับประเทศไทยในช่วงวันที่ 30 ส.ค.- 1 ก.ย.62 ว่า จากการติดตามการเคลื่อนตัวของพายุ“โพดุล”
ล่าสุด ศูนย์กลางพายุอยู่ที่ จ.สกลนคร และลดระดับเป็นพายุดีเปรสชั่น ความเร็ว ลม 55 กม./ชม. เคลื่อนตัวไปในด้านทิศตะวันตกด้วยความเร็วประมาณ 20 กม./ชม. คาดว่าจะเคลื่อนผ่านบริเวณจังหวัดอุดรธานี หนองบัวลำภู และเลย และอ่อนตัวลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำในช่วงเย็นวันนี้ จากนั้นจะค่อย ๆ สลายตัว และพ้นไปจากประเทศไทยในวันพรุ่งนี้ ( 31 ส.ค.) แต่ยังคงมีฝนตกหนักบริเวณ ภาคเหนือตอนบน และภาคอีสานบางส่วน และตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 62 เป็นต้นไป ยังมีฝนตกกระจายอยู่ จากอิทธิพลของพายุและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดเข้ามา ซึ่งจะส่งผลกระทบให้เกิดฝนตกหนักในภาคใต้ด้วย โดยเฉพาะภาคใต้ฝั่งตะวันตก
ทั้งนี้ มีการประเมินแหล่งน้ำที่จะได้รับประโยชน์จากพายุลูกนี้ เพื่อสำรองไว้ใช้ในฤดูแล้งที่จะถึง โดยเฉพาะเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ที่ยังมีปริมาณน้ำเก็บกักน้อย โดยคาดว่าปริมาณน้ำที่ไหลเข้าอ่างฯมีไม่มากนัก แต่ก็ช่วยลดการขาดแคลนน้ำจากฝนทิ้งช่วงใน14 จังหวัด 79 อำเภอ 527 ตำบลได้บางส่วน
จากการคาดการณ์ทิศทางของพายุเบื้องต้น พบว่า พายุลูกนี้จะเพิ่มปริมาณน้ำในแหล่งน้ำที่มีปริมาณความจุน้ำน้อยกว่า 30% ประกอบด้วย อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ จำนวน 14 แห่ง อาทิ เขื่อนทับเสลา เขื่อนกระเสียว เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เขื่อนอุบลรัตน์ เป็นต้น ขนาดกลางน้ำน้อยกว่า 30% ปัจจุบันมีทั้งสิ้นจำนวน 130 แห่ง คาดว่าปริมาณน้ำจะเพิ่มขึ้น 92 แห่ง โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำที่เคยมีปัญหาก็เริ่มมีน้ำไหลเข้าอ่างฯมากขึ้น เช่น อ่างเก็บน้ำห้วยเสนง จ.สุรินทร์ ที่ระดับน้ำเพิ่มขึ้นจนพ้นภาวะวิกฤตแล้ว และห้วยจระเข้มาก จ.บุรีรัมย์ ที่ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป
อย่างไรก็ตาม พายุลูกนี้อาจส่งผลให้เสี่ยงเกิดน้ำท่วม ตามลำน้ำสาขาต่างๆ ที่จะมีน้ำเพิ่มขึ้นและมีความเสี่ยงล้นตลิ่ง ทางศูนย์ฯ ได้กำชับทุกหน่วยงานให้มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อแจ้งเตือนประชาชนล่วงหน้าจากฝนตกในช่วง 2-3 วันนี้ โดยเฉพาะแหล่งน้ำขนาดกลางบริเวณภาคอีสาน ภาคเหนือ และภาคตะวันออก ที่มีปริมาณน้ำเกินกว่า 100% แล้ว จำนวน 28 แห่ง และมีแนวโน้มที่จะเกิน 100% จากอิทธิพลของพายุอีก 13 แห่ง
เนื่องจากตั้งแต่ช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมามีฝนตกมากขึ้นในหลายพื้นที่ ทำให้ดินมีความชุ่มน้ำ รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำเพิ่มขึ้น และตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของเขื่อนเป็นรายเขื่อนอย่างใกล้ชิด เช่น หนองหาร ขณะนี้ได้เร่งระบายน้ำอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลสภาพอากาศในช่วงปลายเดือนสิงหาคมของปี 2561 จะเห็นได้ว่าขณะนั้นมีพายุแปซิฟิกเกิดขึ้นแล้วจำนวน 26 ลูก ในขณะที่ปีนี้ “พายุโพดุล” เป็นเพียงลูกที่ 13 เท่านั้น จึงคาดการณ์แนวโน้มว่ามีโอกาสที่หลังจากนี้อาจจะมีพายุลูกอื่นเข้ามาในประเทศไทยได้อีกในช่วงปลายเดือน ก.ย.-ต.ค. ซึ่งศูนย์ฯ จะยังคงต้องติดตามประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง