SHORT CUT
"ทรงผมนักเรียน" อำนาจเผด็จการเหนือเด็ก จากป้องกันโรคสู่การจำกัดสิทธิโดยรัฐ สะท้อนผ่านทรงผมที่ไม่คำนึงความเป็นคนที่เท่ากัน
ระเบียบทรงผมเป็นสิ่งที่ฝังรากลึกในสังคมไทยมานานหลายทศวรรษ และไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของเส้นผมบนศีรษะเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจนิยมที่สะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างครูและนักเรียน บทความนี้จะเจาะลึกถึงที่มา วิวัฒนาการ และความสำคัญของทรงผมนักเรียนในประเทศไทย โดยเน้นถึงผลกระทบต่อปัจเจกบุคคล การควบคุมทางสังคม และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน
ข้อมูลเกี่ยวกับที่มาของทรงผมนักเรียนไทยยังมีไม่มากนัก แต่ศาสตราจารย์ ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ได้เขียนถึงเรื่องนี้ไว้ในหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 2 พฤศจิกายน 2550
อาจารย์นิธิระบุว่า ทรงผม "เกรียน" ของนักเรียนชายเริ่มขึ้นในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงครามในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีต้นแบบมาจากทรงผมของทหารญี่ปุ่นในขณะนั้น
เหตุผลสำคัญที่ทหารญี่ปุ่นต้องไว้ผมทรงนี้คือ การแพร่ระบาดของเหาในค่ายกักกันต่างๆ
ในยุคเดียวกัน รัฐบาลจอมพล ป. ได้ออกพระราชบัญญัติเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ. 2482 ซึ่งกำหนดให้ใช้เครื่องแบบนักเรียนที่มีลักษณะคล้ายกับเครื่องแบบทหาร
อย่างไรก็ตาม พ.ร.บ. ฉบับนี้เน้นที่เรื่องเสื้อผ้ามากกว่าทรงผม แต่ในทางปฏิบัติ เครื่องแบบมักรวมถึงการควบคุมลักษณะทางกายภาพอื่นๆ เช่น ทรงผม
กฎหมายฉบับแรกที่ระบุถึงการตัดผมสั้นเกรียนอย่างเป็นทางการคือ "ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 132 พ.ศ. 2515" ในสมัยจอมพลถนอม กิตติขจร
ประกาศฉบับนี้นำไปสู่การออกกฎกระทรวงฉบับที่ 1 ในปีเดียวกัน ซึ่งกำหนดให้นักเรียนชายต้องตัดผมข้างๆ ให้เกรียน และไว้ผมด้านหน้าและกลางศีรษะยาวไม่เกิน 5 เซนติเมตร
ระเบียบทรงผมเกรียนมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นในสมัยธานินทร์ กรัยวิเชียร
กล่าวได้ว่า การกำเนิดของทรงผมนักเรียนไทยมีรากฐานมาจากระบอบทหาร
ทรงผมนักเรียนกับการควบคุมทางสังคมและอำนาจนิยม
ระเบียบทรงผมเป็นเครื่องมือในการปลูกฝังแนวคิดอำนาจนิยมให้กับนักเรียน
การบังคับให้นักเรียนทุกคนไว้ผมทรงเดียวกันเป็นการทำลายความเป็นปัจเจกและสร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มที่เรียกว่า "นักเรียน"
ผู้ใหญ่และผู้มีอำนาจเป็นผู้กำหนดระเบียบทรงผม เพื่อจำกัดความแตกต่างและควบคุมให้นักเรียนปฏิบัติตาม นักเรียนที่ไม่ปฏิบัติตามกฎจะถูกลงโทษ
ระบบการศึกษาไทยมักจำกัดความคิดและสิทธิของนักเรียน โดยควบคุมให้อยู่ภายใต้การปกครองของโรงเรียน
การศึกษาไม่ได้ส่งเสริมให้นักเรียนตั้งคำถามต่ออำนาจ ทำให้การเชื่อฟังเป็นไปเพราะความกลัว
อาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์อธิบายว่า ทรงผมนักเรียนทำลายลักษณะเฉพาะตัวของนักเรียน เพราะทุกคนต้องแต่งกายและไว้ผมเหมือนกัน
ความเป็นระเบียบ ความเหมาะสม ความสวยงาม และความถูกต้อง ถูกกำหนดโดยผู้ใหญ่หรือผู้มีอำนาจ และนักเรียนต้องเรียนรู้ที่จะเชื่อฟัง
โรงเรียนใช้ "ความเป็นนักเรียน" เป็นกลไกสำคัญในการควบคุมทางสังคม โดยเน้นการใช้อำนาจมากกว่าเหตุผล
สังคมเริ่มตระหนักว่าทรงผมเป็นสิทธิส่วนบุคคล และหลายโรงเรียนได้ยกเลิกกฎระเบียบที่เข้มงวดเกี่ยวกับการไว้ทรงผมนักเรียน
ความสำคัญได้เปลี่ยนไปสู่เรื่องของประสิทธิภาพทางการศึกษามากกว่าการควบคุมทรงผม
กระทรวงศึกษาธิการได้ออกระเบียบว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียนในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 2 พฤษภาคม 2563
ระเบียบใหม่นี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มอิสระในการเลือกทรงผมของนักเรียน
นักเรียนชายสามารถไว้ผมสั้นหรือยาวก็ได้ แต่ถ้าไว้ผมยาว ด้านข้างและด้านหลังต้องไม่เลยตีนผม และด้านหน้าและกลางศีรษะต้องมีความเหมาะสมและเรียบร้อย
นักเรียนหญิงสามารถไว้ผมสั้นหรือยาวก็ได้ แต่ถ้าไว้ผมยาวต้องรวบให้เรียบร้อย
ทั้งนักเรียนชายและหญิงต้องไว้ทรงผมที่ "เรียบร้อย" โดยห้ามดัดผม ย้อมสีผม ไว้หนวดเครา หรือกระทำการใดๆ ที่ไม่เหมาะสม
ผู้บริหารโรงเรียนบางส่วนกังวลว่า นักเรียนจะให้ความสำคัญกับการแต่งกายมากกว่าการเรียน อาจเกิดผลเสียต่างๆ หากนักเรียนไม่ได้รับการส่งเสริมให้ตั้งคำถามต่ออำนาจ หากยังคงมีการป้อนคำตอบสำเร็จรูป ก็จำเป็นต้องใช้อำนาจในการบังคับ
การปฏิรูปการศึกษาควรเป็นไปในลักษณะองค์รวม โดยพิจารณาความเชื่อมโยงของมาตรการต่างๆ
การสร้างความสามารถในการคิดอย่างมีเหตุผลให้กับนักเรียนเป็นสิ่งสำคัญ
โรงเรียนควรส่งเสริมความสัมพันธ์ของนักเรียนกับกลุ่มทางสังคมต่างๆ เช่น ครอบครัว ชุมชน และสังคมโดยรวม
ทรงผมนักเรียนในประเทศไทยมีรากฐานมาจากระบอบทหาร และถูกใช้เป็นเครื่องมือในการควบคุมทางสังคม อย่างไรก็ตาม สังคมปัจจุบันเริ่มให้ความสำคัญกับสิทธิส่วนบุคคลและประสิทธิภาพทางการศึกษา ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง แม้จะมีความกังวลอยู่บ้าง แต่การปฏิรูปการศึกษาควรเป็นไปอย่างรอบด้าน โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมความสามารถในการคิดอย่างมีเหตุผลและการสร้างความสัมพันธ์กับสังคมในวงกว้าง
อ้างอิง
SilpaMag / นักเรียนเลว / กินอยู่เป็น / TheMatter / BBC /