svasdssvasds

ย้อนคำพูด "ณัฐวุฒิ" หลังยอมรับกลับลำคำพูด ขึ้นตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ

ย้อนคำพูด "ณัฐวุฒิ" หลังยอมรับกลับลำคำพูด ขึ้นตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ

"ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" อดีตผอ.ครอบครัวเพื่อไทย ยอมรับกลับลำคำพูดหลังเคยประกาศยุติบทบาทผอ.ครอบครัวเพื่อไทย หลังนายกรัฐมนตรีลงนามคำสั่งแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี

SHORT CUT

  • "ณัฐวุฒิ" ยอมรับกลับลำคำพูด หลังเคยประกาศลั่น ขอยุติบทบาทผอ.ครอบครัวเพื่อไทย และไม่ขอเข้าไปยุ่งกับเพื่อไทยอีก
  • พร้อมรับกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชน เพราะระยะเวลาที่ผ่านมาตนได้เรียนรู้ว่าต้องอยู่กับความจริงของสถานการณ์ให้ได้
  • การกลับมาช่วยงานพรรคเพื่อไทย จะเข้ามาช่วยดูในเรื่องของการเมืองและการประเมิณสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล

"ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" อดีตผอ.ครอบครัวเพื่อไทย ยอมรับกลับลำคำพูดหลังเคยประกาศยุติบทบาทผอ.ครอบครัวเพื่อไทย หลังนายกรัฐมนตรีลงนามคำสั่งแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2567 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตผอ.ครอบครัวเพื่อไทย ในฐานะที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ “เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand” ถึงประเด็นกลับลำคำพูดที่เคยระบุไว้เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2566 โดยเคยกล่าวว่า “ขอยุติบทบาทของผอ. ครอบครัว ตั้งแต่บัดนี้จะออกไปขายข้าวแกง ไม่เข้าไปยุ่งกับพรรคเพื่อไทยอีกไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค ไม่ได้เป็น สส. ไม่มีตำแหน่งใดๆ ในเพื่อไทยจะใช้ลาออก ตำแหน่งก็ไม่อยู่ในโครงสร้าง ก็ต้องใช้คำว่า “ยุติ”

หลังจากในตอนนั้นพรรคเพื่อไทยมีท่าทีจะฉีก MOU ที่เซ็นไว้กับพรรคก้าวไกล และหากพรรคเพื่อไทยไปจับมือกับขั้วรัฐบาลเดิม ตนก็คงอยู่ไม่ได้ แต่ต่อมา นางสาวแพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี

นายณัฐวุฒิ ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกรณีกลับลำคำพูดว่า หากจะพูดอย่างนั้น ตนก็ไม่คิดจะปัดป้องตัวเอง เพราะเมื่อตัดสินใจเดินมาในเส้นทางนี้ก็พร้อมที่จะรับคำพิพากษาจากประชาชน แต่ถ้าหากอธิบายในมุมของตน ตลอดเวลาปีเศษๆ ที่ผ่านมา ตนเรียนรู้ว่าต้องอยู่กับความจริงของสถานการณ์ให้ได้ และการเมืองเป็นเรื่องของการจัดสรรอำนาจ สิ่งที่กำลังเป็นอยู่ หากจะบอกว่าพรรคการเมือง ที่ถูกจัดให้เป็นขั้วเดียวกันอย่างพรรคเพื่อไทยและอดีตพรรคก้าวไกล ที่ปัจจุบันคือพรรคประชาชน ต่างก็ยังเป็นผู้ถูกกระทำทั้งคู่ เริ่มตั้งแต่พรรคก้าวไกลถูกยุบพรรค และพรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน ถูกให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในขณะที่เงื่อนไขในการจัดตั้งรัฐบาลยังคงเป็นดังเดิม หากเราเข้าใจความใจทางการเมืองของสังคมไทยในขณะนี้ ก็ต้องพูดตามตรงว่า พรรคก้าวไกล ไม่สามารถเป็นรัฐบาลได้ ไม่ว่าจะเป็นแกนนำหรือการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ตาม ที่เป็นเงื่อนไขทางอำนาจและทางการเมืองที่ซับซ้อน

“ที่จริงก็พร้อมที่จะประกาศต่อประชาชนว่า ผมกลับมาช่วยทำงานในฐานะรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ผู้หลักผู้ใหญ่หลายๆ ท่านก็เป็นห่วงเป็นใยผม ก็ถามผมว่า อยากจะมาช่วยกันเบื้องหลังไหมไม่ต้องเป็นที่เปิดเผย อันนี้ก็จะปลอดภัยจากกระแสวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่ผมก็เรียนกลับไปว่า ถ้าผมจะกลับมาผมคงไม่แอบซ่อน กลับมาก็ต้องบอกกล่าวกับประชาชนแบบตรงไปตรงมา ส่วนคำพิพากษ์วิจารณ์หรือข้อพิจรณาใดๆ ก็เป็นเรื่องที่ต้องน้อมรับ”

เมื่อถามว่า การเข้ามารับตำแหน่งในครั้งนี้ เป็นการอาสาหรือมีคนขอให้เข้าไปช่วย นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า  การที่มาชวนให้ตนกลับไปช่วยมีมาเป็นระยะๆ เพียงแต่ไม่ใช่การคาดคั้นหรือกดดันความรู้สึก การกลับมารับตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การกลับมาช่วยงานพรรคเพื่อไทยในจังหวะนี้ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการเมืองและการประเมินสถานการณ์ต่างๆ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องว่ารัฐบาลควรจะเดินทางอย่างไร หรือนายกฯ ควรรับมือกับสถานการณ์เหล่านั้นอย่างไร แต่ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี

related