SHORT CUT
แสวง แจงรูปแบบวิธีสมัคร สว. ทำตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ไม่สับสน บังคับใช้กับผู้สมัครไม่ห้ามสื่อประชาสัมพันธ์ ประชาชน-ผู้สมัคร ดูข้อมูลในแอพ Smart Vote-เว็บ กกต. ได้ เผยมีฮั้ว 2 รูปแบบ สมัครเพื่อแลกคะแนน-เพื่อเลือก ไม่หวังชนะ
วันที่ 2 พฤษภาคม 2567 นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยถึงรูปแบบการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) และการแนะนำตัวที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในขณะนี้ว่า รูปแบบและการเลือกตั้งไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ เพราะเป็นเรื่องที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญกำหนด แต่สิ่งที่ กกต. ทำคือ เรื่องการแนะนำตัว ซึ่งต้องแยกกันกับเรื่องประชาชนไม่มีสิทธิเลือก
ส่วนการแนะนำตัว กกต. ไม่ได้ทำเกินกว่ากฎหมายกำหนด โดยกฎหมายกำหนดให้ผู้สมัครแนะนำตัวกับผู้ที่มีสิทธิ์เลือก ก็คือผู้สมัครด้วยกันเอง เราตระหนักถึงความสำคัญของประชาชน ถึงแม้ประชาชนไม่ได้เลือกโดยตรง แต่ก็เป็นตัวแทนปวงชนชาชาวไทย ต้องทำหน้าที่แทนดังนั้นประชาชนมีสิทธิ์ติดตาม ตรวจสอบ สังเกตการณ์ หลังปิดรับสมัคร แต่ระหว่างที่สมัครไม่ให้เปิดเผยชื่อ เพราะจะมีมีส่วนได้เสีย ระหว่างกลุ่มต่างๆ
ซึ่ง กกต. จะนำรายชื่อผู้สมัครทุกคนลงในแอพพลิเคชัน Smart Vote และเว็บไซต์ กกต. ประชาชนก็จะทราบรายชื่อ ประวัติ ประสบการณ์การทำงาน ของผู้สมัคร สว. ทุกคน และผู้สมัครก็ต่างติดต่อกันได้ ทางช่องทางอีเมล์ และ LINE ซึ่งระบบนี้เพียงพอ ทำให้ทั้งประชาชนและผู้สมัครด้วยกัน พิจารณาเลือกผู้สมัครด้วยกันเองได้
ส่วนที่ผู้สมัครบางคนออกมาเปิดตัว แนะนำตัว ผิดหรือไม่นั้น นายแสวง กล่าวว่า ไม่ได้ผิดกฎหมาย การเชิญชวนกับการเปิดตัวทำได้ ซึ่ง กกต. เองก็เชิญชวน ขอให้ไม่ให้มีคุณสมบัติต้องห้าม และมีประสบการณ์ในกลุ่มสาขาอาชีพที่จะลง เช่นเดียวกับกรณีของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า หรือคนอื่นๆ ก็สามารถทำได้ ที่เชิญชวนให้คนลงสมัคร สว.
ส่วนกรณีที่นายพริษฐ์ วัชรสินธุ์ สส.ก้าวไกล ออกมาระบุว่าไทม์ไลน์การเลือก สว. ยังไม่ชัดเจนนั้น นายแสวง กล่าวว่า การเลือก สว. ช่วงเวลาไม่เหมือนกับ สส. ที่ต้องกำหนดภายใน 45-60 วัน แต่การเลือก สว. จะนับหนึ่งเมื่อมีพระราชกฤษฎีกา ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้โปรดเกล้าฯ ลงมา จากนั้นจะมีเวลาของแต่ละกระบวนการในการเลือกระดับอำเภอ จังหวัด ซึ่งรวมแล้วไม่เกิน 60 วัน แต่ไม่ได้กำหนดว่าภายในกี่วัน
ส่วนระเบียบการแนะนำตัวของผู้สมัคร สามารถทำผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ แต่ให้แนะนำตัวกับผู้สมัครด้วยกัน เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ส่วนประวัติและข้อมูลต่างๆ กกต. เผยแพร่ในเว็บไซต์อยู่แล้ว
สำหรับผู้สมัครในระดับอำเภอ จะไม่ทราบจำนวน แต่ระดับจังหวัดจะเหลือ 55,000 คน ประชาชนสามารถติดตามได้ตลอด ส่วนในวันเลือกตั้งจะมีการถ่ายทอดผ่านระบบวงจรปิด ทั้งในระดับอำเภอ จังหวัด และระดับประเทศที่เมืองทองธานี เพื่อให้ผู้สื่อข่าวและประชาชน สังเกตการณ์บรรยากาศภายใน ที่ผู้สมัครไปออกเสียงลงคะแนน
นายแสวง ยังกล่าวถึงการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน ว่า ที่ผ่านมายังไม่เห็นอะไรที่ผิดกฎหมาย ซึ่ง กกต. ได้ติดตามจากสื่อและผู้สมัคร ก็ยังไม่มีอะไรหมิ่นเหม่ล่อแหลมที่จะผิดกฎหมาย โดยระเบียบที่ออกมาใช้กับผู้สมัคร ไม่ได้บังคับใช้กับสื่อ และสื่อสามารถรายงาน วิเคราะห์ข่าวได้หมด แต่ให้พึงระวังในเรื่องกฎหมายอื่นที่อาจมีการหมิ่นประมาทได้
ส่วน กกต. มีกลไกป้องกันการทุจริต การฮั้วกันในการคัดเลือกอย่างไรนั้น นายแสวง กล่าวว่า กฎหมายมีการออกแบบมาเพื่อป้องกันการฮั้วอยู่แล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีการฮั้ว ซึ่งจากนี้ไปจะมีมาตรการ โดยเมื่อดูจากผู้สมัครที่มีเป็น 100,000 คน ดูเหมือนจะเยอะ แต่เมื่อพิจารณาจาก 20 กลุ่มสาขาอาชีพ 928 อำเภอ ถ้าคนสมัคร 400,000 คน ในระดับอำเภอ จะเลือกแค่ 20 คนเท่านั้น
ผู้สมัครสามารถศึกษาประวัติของคนที่จะเลือกในกลุ่มนั้นแค่ 20 คน ในระดับอำเภอของตัวเอง ไม่ต้องไปดูอำเภออื่น
อย่างไรก็ตาม นายแสวง กล่าวติดตลกว่า ตนได้ชี้แจงเรื่องการเลือก สว. ผ่าน Facebook หลายครั้ง และถูกทัวร์ลง แต่ไม่เป็นไรลานจอดยังเยอะอยู่
ซึ่งก่อนหน้านี้นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า สว. รัฐธรรมนูญออกแบบไว้อย่างไร ทำไมต้องแนะนำตัว ห้ามหาเสียง มันต่างกันอย่างไร โทษการแนะนำตัว กับโทษทุจริตในการเลือก การให้ความรู้ เชิญชวนคนสมัครทำได้หรือไม่ ทำไม กกต. ออกระเบียบแนะนำตัวแบบนี้
ด้วยเหตุข้างต้นที่รัฐธรรมนูญออกแบบให้ สว.มีลักษณะดังกล่าว กฎหมายจึงกำหนดให้ผู้สมัคร สว. ทำได้แค่แนะนำตัว นั้นหมายความว่าห้ามหาเสียงโดยปริยาย เพราะเชื่อว่าผู้ทรงคุณวุฒิด้วยกันเองที่สมัครทุกคน มีความดี เด่น ดัง ในสาขาอาชีพของตัวเองเป็นที่ประจักษ์และทราบกันดีในวงการนั้นดีอยู่แล้ว และด้วยเป็นผู้ทรงคุณวุฒิจะมีวิจารณญานในการเลือกที่ถูกต้องได้เป็นอย่างดี โดยไม่มีการจัดตั้ง ฮั้วกันในการเลือก
ดังนั้นเมื่อพูดถึงที่มา ของ สว. ต้องรู้ให้จริงว่ามาจาก การเลือก/การแนะนำตัว อย่าไปสับสนกับที่มา สส.ที่มาจาก การเลือกตั้ง/การหาเสียง นั้นแสดงว่ารู้ไม่จริง หรือแกล้งไม่รู้เพื่อให้ประชาชนสับสนหรือประโยชน์ทางการเมือง
ดังนั้น ให้พึงระวังให้ดี แม้ไม่ได้กระทำผิดตามข้อ 2)เรื่องการทุจริตในการเลือก แต่แนะนำตัวไม่ถูกต้องตามกฎหมาย มีความผิดโดนใบดำได้
การให้ความรู้ การเชิญชวนลงสมัครโดยทั่วไปแล้วหยุดแค่ให้ความรู้ หรือเชิญชวน ลักษณะนี้โดยตัวมันเองทำได้อยู่แล้ว แต่อาจเป็นเหตุให้เป็นความผิดอื่นได้ เมื่อได้ดำเนินการต่อเนื่องจากการให้ความรู้ หรือการเชิญชวน อาทิ
อยากเป็น สว. ต้องแนะนำตัวให้ถูก ไม่ยากเลย และเป็นธรรมกับทุกคน อย่าคิดเอาเปรียบคนอื่น ทุกความเห็น เรารับฟังมาตลอด ไม่ว่าความเห็นนั้นจะไม่อยู่บนหลักกฎหมาย หรือมีแรงจูงใจทางการเมืองหรือไม่ แต่สุดท้าย เราก็ต้องทำตามกฎหมาย ไม่อาจทำตามความต้องการของคนกลุ่มใด กลุ่มหนึ่งได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง