SHORT CUT
ประชาธิปัตย์ จับตา ทักษิณ ไปเชียงใหม่ จี้ ราชทัณฑ์-คุมประพฤติ ตอบคำถามหากได้สิทธิ์มากกว่านักโทษคนอื่น ย้ำจุดยืน ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ต้องไม่มีคดีทุจริต และ คดี112 กังวลอาจนำคดีจำนำข้าวพิจารณาด้วย ขณะ ยิ่งลักษณ์ ทำได้แต่ต้องรับโทษ วอนอย่าใช้ ทักษิณโมเดล หวั่น ปชช. ลุกฮือ
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวถึงกรณีที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า จะมีนิโทษกรรมโดยการนับเวลาจากช่วงเหตุการณ์โดยเริ่มนับจากวันที่ 1 มกราคม 2548 และจะมีการตั้งคณะอนุกรรมาธิการเพื่อที่จะเก็บสถิติคดีที่เกิดขึ้น ที่เกี่ยวกับแรงจูงใจทางการเมือง เพื่อสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในชั้นตำรวจ ,คดีที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลยุติธรรม และองค์กรอื่น และในส่วนของมาตรา 112 นั้นก็ยังไม่มีความชัดเจน ของคณะกรรมการชุดดังกล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้มีปัญหาในเรื่องของการนับช่วงเวลาของกรรมาธิการ แต่สิ่งที่จะเป็นปัญหาคือความไม่ชัดเจนของกรรมาธิการในเรื่องคดีทุจริต ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญจะยกเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาแล้วจะพิจารณาไปในแนวทางใด ตนไม่ได้ก้าวล่วงแต่มีความเป็นห่วง แต่ถ้ารวมคดีทุจริตไปด้วยพรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยแน่นอน เพราะที่ผ่านมาองคาพยพของ นายทักษิณชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเคยมีพยายามที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรม คดีทุจริต ทั้งที่ศาลตัดสินไปแล้ว และคดีที่ยังไม่แล้วเสร็จอาจจะทำให้หลุดไปด้วย
รวมถึงคดี 112 พรรคประชาธิปัตย์ก็เห็นว่าไม่ควรที่จะมีการนิรโทษกรรมเพราะ ทั้งคดีทุจริตและคดี 112 ไม่ได้มีเหตุแรงจูงใจจากทางการเมือง ที่จะต้องให้เกิดกระทำความผิดในเรื่องดังกล่าว
ฉะนั้น 2 เรื่องนี้เป็น 2 เรื่องที่สำคัญที่สุด พรรคประชาธิปัตย์ติดตามและแสดงจุดยืนว่าไม่เห็นด้วยถ้าจะมีการนิรโทษกรรมในคดีทุจริตและคดีที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 ส่วนคดีอื่นๆคณะกรรมาธิการจะพิจารณา ก็ต้องติดตามดูว่ามีองค์ความผิด ฐานความผิดใดบ้างที่จะหยิบยกขึ้นมาพิจาณา ซึ่งทำถูกต้องแล้ว ที่ไม่เอาตัวบุคคลเป็นที่ตั้ง
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะได้รับการนิรโทษกรรมจากกฎหมายดังกล่าว นายราเมศ ยอมรับว่ากังวล เพราะในกรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ผ่านมามีการให้สัมภาษณ์ของบุคคลในรัฐบาลว่านางสาวยิ่งลักษณ์ถูกกลั่นแกล้งทางการเมืองจนเกิดเป็นคดีทุจริตรับจำนำข้าว ซึ่งนี่เป็นอีกกรณีหนึ่งที่เขาอ้างว่าตั้งต้นมาจากปฏิวัติรัฐประหารแล้วนำมาสู่การดำเนินคดีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่ความเป็นจริงแล้วในส่วนของคดีจำนำข้าว เกิดขึ้นด้วยระบอบประชาธิปไตย ตรวจสอบภายใต้ฝ่ายนิติบัญญัติที่ได้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้วได้มีการยื่นเพื่อดำเนินคดีต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ขณะนั้น และไม่ได้เป็นกระบวนการที่เกิดจากการกลั่นแกล้ง ซึ่งท้ายที่สุดคดีก็ขึ้นสู่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และน.ส.ยิ่งลักษณ์ก็หนีคดี หนีออกนอกประเทศ
"ถามว่าคดีนี้เกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือไม่ก็ต้องกลับไปอ่านมาตรา 157 การที่มีความผิดก็ต้องตั้งต้นมาจากเจตนาว่ามีความผิดแสวงหาผลประโยชน์ที่ไม่ควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เพื่อตนเองหรือผู้อื่นคำพิพากษาศาลฎีการะบุไว้ชัดเจน เชื่อว่าคณะกรรมาธิการจะมีการนำคดีทุจริตของน.ส.ยิ่งลักษณ์มาพิจารณาด้วย" นายราเมศกล่าว
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอ้างว่ายึดหลักยุติธรรม หลักกฎหมายในการบริหารราชการแผ่นดินแต่ขณะนี้แนวทางของรัฐบาล ทำตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง หลักนิติธรรมที่ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกันรัฐบาลนี้เหยียบย่ำคำว่าหลักนิติธรรมไม่มีชิ้นดีวันที่มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา รัฐบาลแถลงเรื่องยึดหลักนิติธรรม ไว้เป็นประเด็นแรกๆแต่กลับทำตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิง
นายราเมศ ยังกล่าวถึงกรณีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ที่มีข่าวว่าจะเดินทางเข้าประเทศ ว่าไม่มีใครห้ามน.ส.ยิ่งลักษณ์เพราะน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นคนไทย สามารถกลับเข้าสู่ประเทศได้แต่เมื่อกลับเข้าสู่ประเทศแล้วก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งไม่ว่าจะคดีที่เป็นมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ก็ต้องจับตาดูว่าจะใช้กรณีทักษิณโมเดลหรือโล่ทักษิณเป็นแนวทางในการที่จะทำให้กระบวนการยุติธรรมเสียหลักการหรือไม่
เบื้องต้นคิดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เมื่อเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว กรมราชทัณฑ์ก็เป็นหน่วยงานหลัก ส่วนจะใช้ระเบียบตัวใด ตนคิดว่าไม่อยากให้ใช้ระเบียบคุมขังนอกเรือนจำซึ่งเป็นระเบียบใหม่กับ กรณีต่างๆเหล่านั้น ซึ่งพรรคก็จะติดตามเรื่องนี้ อย่างใกล้ชิด เพราะ ไม่แน่ใจว่าจะใช้กระบวนการใดหากใช้ทักษิณโมเดลอีกตนเชื่อว่าความขัดแย้งในบ้านเมืองก็จะมากขึ้นพี่น้องประชาชนที่ไม่เห็นด้วยก็จะมากขึ้น
นายราเมศ ยังกล่าวถึงการที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเตรียมเคลื่อนไหวเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ ว่ากรมคุมประพฤติและกรมราชทัณฑ์จะให้คำตอบได้ดีที่สุด ว่านายทักษิณจะเดินทางไปพื้นที่ต่างๆ เหมาะสม ถูกต้องตามระเบียบหรือไม่ ตนไม่สามารถไปก้าวล่วงอำนาจขององค์กรต่างๆได้ แต่เชื่อว่าประชาชนจับตาเรื่องนี้อยู่ และจะดูว่ากระบวนการ ไม่ว่าจะเป็นกรมคุมประพฤติหรือกรมราชทัณฑ์ จะมีกระบวนการที่เอื้อประโยชน์ ให้กับใครหรือไม่อย่างไร ตนตอบได้เท่านี้
ส่วนที่มีข่าวว่าตอนนี้มีกลุ่มคนเสื้อแดงเตรียมไปให้การต้อนรับ มองว่าจะเป็นการปลุกระดมมวลชนหรือไม่ นายราเมศ ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม เนื่องจากเหตุการณ์ยังไม่เกิดขึ้น แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง กรมคุมประพฤติและกรมราชทัณฑ์ จะเป็นผู้พิจารณา ว่านายทักษิณจะสามารถปฏิบัติตน แบบนั้นในฐานะที่ยังเป็นนักโทษอยู่ได้หรือไม่ จะทำอะไรได้มากน้อยขนาดไหน เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างการพักโทษ ซึ่งหากทำอะไรไปโดยที่นอกเหนือ จากปกติที่ทำได้ก็ต้องมีคำตอบจากสองหน่วยงานนี้ และจะบอกว่ารัฐบาลไม่รู้เห็นไม่ได้ นายกรัฐมนตรีต้องรู้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมต้องรู้ และการจากกระทำสิ่งใดขอให้คำนึงถึงหลักการของบ้านเหมือนบ้าน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง