SHORT CUT
“สุดารัตน์” ไทยสร้างไทย ห่วงอนาคตไทย หลังฟังนายกโชว์วิสัยทัศน์ แต่เหมือนขาดวิสัยทัศน์ในการแก้ปัญหาโครงสร้างหลัก ที่เป็นอุปสรรคทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจไทย “โตช้า โตต่ำ” กว่าศักยภาพ ระบุการแก้ปัญหาเศรษฐกิจยั่งยืนไม่ใช่การ“แจกเงิน” แต่ต้อง“แจกโอกาส”
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย แสดงความห่วงใย หลังจากได้ฟังนายกฯ เศรษฐา ทวีสินแถลงวิสัยทัศน์ประเทศไทยในหัวข้อ IGNITE Thailand เห็นว่านายกพยายามเสนอวิธีแก้ปัญหาหลายๆปัญหา ซึ่งเป็นเรื่องที่“ไทยสร้างไทย” ก็เห็นด้วย และจะสนับสนุนในหลายประเด็น แต่ที่นายกพูดเป็นการแก้ปัญหาระยะสั้นที่ปลายเหตุ ที่เรายังมองไม่เห็นอนาคตของประเทศไทย เพราะนายกไม่ได้แสดงวิสัยทัศน์ในการแก้ปัญหาโครงสร้างหลักๆที่เป็นอุปสรรคสำคัญ ในการฉุดรั้งการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ที่ทำให้เศรษฐกิจไทย“โตช้า โตต่ำ”กว่าศักยภาพของประเทศ และไม่สร้างความยั่งยืนให้เศรษฐกิจไทย
1) การพัฒนาศักยภาพคนไทย ให้ทันวิทยาการของโลกใหม่ เริ่มตั้งแต่เด็กแรกเกิดถึง 6 ขวบ
การวิจัยพบว่าเด็กไทยตั้งแต่แรกเกิดจะมี IQ ใกล้เคียงกับเด็กทั่วโลก แต่หลังจาก6 ขวบIQ ของเด็กไทยจะน้อยกว่ามาตรฐานสากลอยู่ 1.8%
สาเหตุสำคัญคือเด็กไทยไม่ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนเพียงพอ
นอกจากนั้นต้องมีการพัฒนาหลักสูตรการศึกษาใหม่ทั้งหมดการสอนที่ให้เด็กท่องจำไปแข่งกับ AI เราต้องสอนเด็กไทยให้เป็นผู้ควบคุมและใช้ AIให้เป็น
ต้องลดความเหลื่อมล้ำทางด้านการศึกษาด้วยการใช้เทคโนโลยีเทคโนโลยี ใช้ครูที่เก่งในวิชานั้นๆ ให้สอนออนไลน์จากกรุงเทพไปถึงยอดดอยได้ เช่นที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ทรงริเริ่มไว้
2) การแก้ไขปัญหาสังคมผู้สูงวัย ปัจจุบันไทยเป็นประเทศ ที่มีผู้สูงวัยเต็มขั้น และจะเป็นประเทศสูงวัยขั้นสุดยอดในปี 2030 หรือมีผู้สูงวัยถึง 28% ของประชากร สถานการณ์ของผู้สูงอายุไทยมีลักษณะ ”แก่จนเจ็บ“ คือสังคมผู้สูงอายุที่มีแต่โรคสุขภาพไม่แข็งแรง ไม่มีเงินและสวัสดิการยามแก่ชราอย่างเพียงพอต่อการยังชีพ จึงทำให้กำลังซื้อของผู้สูงอายุไทยลดลง พรรคไทยสร้างไทยจึงเสนอบำนาญประชาชน 3,000 บาท เพื่อแก้ปัญหา สังคมผู้สูงวัย โดยเงิน 3,000 บาทจะให้พร้อมหน้าที่ โดยเฉพาะการรักษาสุขภาพให้แข็งแรง กลับมาทำงานได้ สร้างรายได้ไม่เป็นภาระลูกหลาน และจะเป็นการเพิ่มกำลังซื้อให้ประเทศ
3) การลดความเหลื่อมล้ำ ช่วยคนตัวเล็ก ให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนดอกเบี้ยต่ำ เพื่อใช้เป็นทุนในการตั้งตัว “ไทยสร้างไทย” จึงเสนอให้รัฐบาล “แจกเครติต” ให้ประชาชน วงเงินตั้งแต่10,000-100,000บาท แทนการ “แจกเงินดิจิทัล” ที่ไม่ใช่เงินสด ซึ่งจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้เพียงชั่ววูบ แต่ต้องทิ้งภาระให้ลูกหลานต้องใช้หนี้มหาศาลถึง 5 แสนล้าน
ช่วยให้คนตัวเล็กได้เข้าถึงความรู้ และเข้าถึงเทคโนโลยีเพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจ และหาช่องทางการตลาดให้
4)การแก้กฎหมาย ระเบียบต่างๆ ที่กดทับโอกาสในการทำมาหากินของคนไทย และเป็นช่องทางที่ทำให้ผู้คนถูกเจ้าหน้าที่รีดไถ
5)มหันตภัย “โลกร้อน” Climate Change เป็นวิกฤตที่กระทบคนตัวเล็กหนักที่สุดรัฐบาลต้องเร่งแก้ไขอย่างจริงจัง แต่ในการแถลงล่าสุดกลับไม่พูดถึง โดยปัญหาดังกล่าวกำลังส่งผลร้ายต่อชีวิต และเศรษฐกิจของคนตัวเล็ก โดยเฉพาะสถานการณ์น้ำท่วมน้ำแล้ง รุนแรงซ้ำซาก ทำให้หนี้สินเกษตรกร กว่า 8 ล้านครัวเรือนเพิ่มขึ้น