svasdssvasds

ศาล รธน. มีมติเสียงข้างมาก วินิจฉัย “ศักดิ์สยาม” พ้นตำแหน่งรัฐมนตรี

ศาล รธน. มีมติเสียงข้างมาก วินิจฉัย “ศักดิ์สยาม” พ้นตำแหน่งรัฐมนตรี

ด่วน ศาลรัฐธรรมนูญ มติเสียงข้างมาก ฟัน ศักดิ์สยาม ชิดชอบ พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี มีผลตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2566 ชี้พบพิรุธหลายประเด็น ให้นอมินีถือหุ้น หจก.บุรีเจริญ แทน ฝั่งมาดามเดียร์ลั่นสุดท้ายความจริงกปรากฎ เชื่อโหวตงดออกเสียงไม่ผิดคน

วันที่ 17 ม.ค. ที่ศาลรัฐธรรมนูญ คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีการนัดประชุมเพื่อพิจารณาคำร้อง กรณีประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งความเห็นของสมาชิกพรรคฝ่ายค้านในขณะนั้น ขอให้วินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (5) ประกอบมาตรา 187 หรือไม่ จากรณีปมถือหุ้น “บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น”และนำ หจก.บุรีเจริญฯ มาเป็นคู่สัญญากับรัฐ รับงานในกระทรวงคมนาคมที่ตัวเองเป็นรัฐมนตรี และอ่านคำวินิจฉัยในเวลา 14:00 น.

บรรยากาศบริเวณโดยรอบอาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ที่ตั้งสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ พบว่ามีการรักษาความปลอดภัยอย่างรัดกุม เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย นำแผงรั้วเหล็กมากั้นบริเวณหน้าประตูทางเข้าศาล โดยอนุญาตให้ผู้เกี่ยวข้องเดินเข้าออกเท่านั้น หลังศาลรัฐธรรมนูญประกาศ อาณาบริเวณพื้นที่กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญ ใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติงาน รักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย

มีการตั้งจอทีวี พร้อมลำโพงไว้หน้าอาคาร เตรียมถ่ายทอดสดทางช่อง yotube สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับสื่อมวลชนและประชาชนเช่นเดียวกับบริเวณด้านในเจ้าหน้ารักษาความปลอดภัย ไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้องเข้า-ออก บริเวณพื้นที่

ต่อมา เวลาประมาณ 13.00 น. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ได้เดินทางเข้ามารับฟังคำอ่านวินิจฉัย แต่ยังไม่ได้มีการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน

ทั้งนี้ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 8/2566 กรณีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 187 หรือไม่

ทั้งนี้ ศาลได้แจ้งว่า นายวิรุฬห์ แสงเทียน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แจ้งลาป่วย ซึ่งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ บัญญัติว่าองค์คณะของศาลในการพิจารณาคดีและทำคำวินิจฉัยต้องประกอบด้วยตุลาการไม่น้อยกว่า 7 คน ดังนั้น วันนี้จึงสามารถพิจารณาคดีและทำคำวินิจฉัยได้

 

 

โดยศาลได้มอบหมายให้ นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม นายจิรนิติ หะวานนท์ นายนภดล เทพพิทักษ์ และนายปัญญา อุดชาชน อ่านคำวินิจฉัย

โดยศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 1 วินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายศักดิ์สยาม สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) นับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง ให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 82 วรรค 2 คือวันที่ 3 มีนาคม 2566 

โดยเห็นว่า นายศักดิ์สยาม ยังคงไว้ซึ่งหุ้นส่วน และยังคงเป็นผู้ถือหุ้น และเจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น อย่างแท้จริง โดยพบข้อพิรุธว่า นายศุภวัฒน์ เกษมสุข บริจาคเงินส่วนตัว เป็นทรัพย์สินประเภทงานวิจัย มูลค่า 2,770,000 บาท ในปี 2562 แต่บริษัทในนาม ห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น บริจาค 4,800,000 บาท ปีเดียวกัน และจำนวน 6 ล้านบาท ในปี 2565 ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาภายหลังที่นายศักดิ์สยาม โอนหุ้นห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ให้กับนายศุภวัฒน์ ในปี 2561 และไม่ปรากฏว่า ช่วงเวลาก่อนการโอนหุ้น นายศุภวัฒน์ และห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญ คอนสตรัคชั่น บริจาคเงินทรัพย์สินอื่นใดให้แก่พรรคภูมิใจไทย หรือมีความเกี่ยวข้องกับพรรคภูมิใจไทย มาก่อน 

โดยนายศุภวัฒน์ เคยเบิกความว่า ก่อนหน้าที่จะรับโอนหุ้น ไม่เคยบริจาคเงินให้กับพรรคภูมิใจไทย จึงเป็นข้อพิรุธสงสัยว่า นายศุภวัฒน์ และบริษัทห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ไม่เคยมีความเกี่ยวข้องหรือมีความสัมพันธ์ใดๆกับพรรคภูมิใจไทย

แต่ภายหลังที่ นายศักดิ์สยาม หรือผู้ถูกร้อง โอนหุ้นให้นายศุภวัฒน์แล้ว พบว่าทั้งนายศุภวัฒน์ และห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ได้บริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้กับพรรคการเมืองที่นายศักดิ์สยาม มีตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรค

ดังนั้นจากข้อพิรุธประกอบกับพฤติการณ์แวดล้อม จึงเห็นได้ว่า ผู้ถูกร้องกับนายศุภวัฒน์ ตกลงนำเงินของนายศักดิ์สยาม ไปทำธุรกรรมต่างๆ ในนามของนายศุภวัฒน์ โดยขั้นตอนสุดท้าย มีการนำเงินไปซื้อกองทุนในชื่อนายศุภวัฒน์ และขายกองทุน เพื่อนำเงินไปจ่ายให้กับนายศักดิ์สยาม เป็นเงินจำนวน 119,500,000 ล้านบาท

ดังนั้นเงินจำนวนดังกล่าวยังคงเป็นของนายศักดิ์สยาม ซึ่งนายศักดิ์สยามยังคงไว้ซึ่งความเป็นหุ้นส่วน หรือผู้ถือหุ้น ในห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญคอนสตรัคชั่น โดยมีนายศุภวัฒน์ ดูแลห้างหุ้นส่วนจำกัดแทนนายศักดิ์สยามมาโดยตลอด ดังนั้นจึงเป็นการถือหุ้นของรัฐมนตรี อยู่ในความดูแลของบุคคลอื่น ไม่ว่าทางใดๆ ซึ่งเป็นการกระทำต้องห้าม ตามมาตรา 187 ดังนั้น ความเป็นรัฐมนตรีของนายศักดิ์สยาม จึงสิ้นสุดลงเฉพาะตัว  

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ตุลาการเสียงข้างน้อยจำนวน 1 คน คือ นายอุดม สิทธิ วิรัชธรรม ที่เห็นว่า ความเป็นรัฐมนตรี ของผู้ถูกร้อง ไม่สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170

หลังอ่านภายหลังรับฟังคำวินิจฉัยแล้ว นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย เดินออกมาจากศาลรัฐธรรมนูญ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย พร้อมระบุว่า

รอคัดคำวินิจฉัยของศาลฉบับเต็มก่อน ภายใน 15 วัน เพื่อดูว่าศาลจะให้ปฏิบัติอย่างไร

เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไร นายศักดิ์สยามส่ายหน้า พร้อมกล่าวว่า ไม่ได้รู้สึกอะไรเราเคารพคำวินิจฉัย

เมื่อถามว่ามีผลต่ออนาคตทางการเมืองหรือไม่ เพราะเป็นการถูกตัดสินว่าตั้งนอมินีมาถือหุ้นแทน นายศักดิ์สยาม ย้ำว่าขอคัดคำวินิจฉัยของศาลก่อน แล้วเดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันที

เมื่อถามต่อว่าเรื่องนี้เรื่องนี้กังวลหรือไม่ นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ไม่มี 

เมื่อถามว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้กำชับอะไรมาหรือไม่นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ไม่มี

ด้าน "มาดามเดียร์" วทันยา บุนนาค สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อสมัยที่สังกัดพรรคพลังประชารัฐ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ปี 2565 มาดามเดียร์โหวด "งดออกเสียง" ไม่ไว้วางใจนักการเมืองรุ่นใหญ่ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นแกนนำพรรครวมรัฐบาลในขณะนั้น

ล่าสุด มาดามเดียร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เดียร์ วทันยา บุนนาค ระบุว่า

เมื่ออุดมการณ์ยืนหยัดในความถูกต้องมากกว่าความถูกใจ ย่อมทำให้เวลาอยู่ข้างเราเสมอ

แม้ในอดีตเดียร์จะต้องรับแรงเสียดทาน แต่สุดท้ายความจริงก็จะปรากฎ และยิ่งทำให้มั่นใจว่าเดียร์ทำสิ่งที่ถูกต้องเพื่อประชาชนแล้ว

เคยโหวตแบบไหนก็แบบนั้น

โหวตงดออกเสียงไม่รับรองนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม อภิปรายไม่ไว้วางใจ 2565

ที่มา : เดียร์ วทันยา บุนนาค

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related