กฟผ. แจ้งเตือนประชาชนภาคอีสาน หลังพายุโนรูอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชั่น แต่ปริมาณน้ำในเขื่อนภาคอีสานเพิ่มสูงขึ้นอยู่ในเกณฑ์ต้องเฝ้าระวัง
นายประเสริฐ อินทับ ผู้ช่วยผู้ว่าการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวถึงผลกระทบของ "พายุโนรู" ว่า ขณะนี้พายุโนรูที่เคลื่อนเข้าปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน ทำให้มีฝนตกสะสม
สถานการณ์น้ำของภาคตะวันออกเฉียงเหนือวันที่ 29 ก.ย. 2565 มีเขื่อนของ กฟผ. ที่มีระดับน้ำเกินระดับน้ำควบคุมตอนบน (Upper Rule Curve : URC) อยู่ในเกณฑ์ต้องเฝ้าระวัง 3 เขื่อน ประกอบด้วย เขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น เขื่อนจุฬาภรณ์ จังหวัดชัยภูมิ และเขื่อนสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี
ซึ่งเขื่อนอุบลรัตน์ คณะกรรมการลุ่มน้ำชี ได้มีมติเมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2565 เห็นชอบให้ปรับเพิ่มการระบายน้ำจากวันละ 25 ล้าน ลบ.ม. เป็นวันละ 35 ล้าน ลบ.ม. และในกรณีที่มีปริมาณน้ำเกินกว่าความจุอ่าง จำเป็นต้องเพิ่มการระบายน้ำเป็นวันละ 35 - 54 ล้าน ลบ.ม. โดยจะทยอย ปรับเพิ่มการระบายน้ำแบบขั้นบันไดตามสถานการณ์น้ำและปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างฯ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบ หรือส่งผลกระทบน้อยที่สุดต่อประชาชนในพื้นที่เหนือเขื่อนและท้ายเขื่อน
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง :
ทั้งนี้ เขื่อนอุบลรัตน์ได้จัดทำแผนการระบายน้ำรายวัน แจ้งไปยังจังหวัดที่อาจได้รับผลกระทบและประชาชนทุกภาคส่วน ขอให้ประชาชนที่อยู่อาศัย ในบริเวณใกล้เคียงลำน้ำเตรียมความพร้อมและเฝ้าระวังระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น
นอกจากเขื่อนอุบลรัตน์ที่ได้รับอิทธิพลของพายุโนรูแล้ว เขื่อนสิรินธร เขื่อนจุฬาภรณ์ และเขื่อนห้วยกุ่ม ได้รับอิทธิพลจากฝนตกหนัก มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนเพิ่มขึ้นและมีแนวโน้มปริมาณน้ำเต็มความจุอ่างเก็บน้ำ
โดยเขื่อนสิรินธร มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนจากอิทธิพลของพายุโนรูแล้วจำนวน 225 ล้าน ลบ.ม. จำเป็นต้องเพิ่มการระบายน้ำผ่านประตูระบายน้ำล้น (Spillway) เพื่อความมั่นคงปลอดภัยของเขื่อน ซึ่ง กฟผ. ได้ออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ให้ทราบล่วงหน้าแล้ว
ทั้งนี้ เขื่อนในภาคอีสานของ กฟผ. อาจมีความจำเป็นต้องเพิ่มการระบายน้ำเพื่อให้มีช่องว่างรองรับน้ำจากอิทธิพลของพายุโนรู ตลอดจนปริมาณน้ำที่ยังไหลเข้าอ่างเก็บน้ำอย่างต่อเนื่องในช่วงฤดูฝน สามารถติดตามข้อมูลสถานการณ์น้ำได้จาก ศูนย์ติดตามสถานการณ์น้ำ (Water Operation Center) หรือแอปพลิเคชัน EGAT Water และ EGAT One
ที่ผ่านมา กฟผ. ได้กระจายกำลังหน่วยงานทั่วประเทศสนับสนุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยเบื้องต้นได้เร่งมอบถุงยังชีพเกือบ 5,000 ชุด และน้ำดื่มกว่า 25,000 ขวด ไปยังพื้นที่ประสบอุทกภัยแล้ว ได้แก่ กรุงเทพมหานคร พระนครศรีอยุธยา ตาก น่าน ระยอง และเชียงใหม่ กฟผ. เคียงข้างคนไทยทุกวิกฤต