SHORT CUT
พาไปทำความรู้จัก "อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท" โดย จ.อุดรธานีได้แหล่งมรดกโลกแห่งที่ 2 หลัง "ยูเนสโก" ประกาศขึ้นทะเบียน "ภูพระบาท" เป็น "มรดกโลกทางวัฒนธรรม" นับเป็นแหล่งมรดกโลกลำดับที่ 8 ของไทย
นาทีประวัติศาสตร์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 13.01 น. ของวันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เมื่อองค์การเพื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก ได้ประกาศให้ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จังหวัดอุดรธานี เป็น มรดกโลกทางวัฒนธรรม ในชื่อ ภูพระบาท ประจักษ์พยานแห่งวัฒนธรรมสีมา สมัยทวารวดี (Phu Phrabat, a testimony to the Sīma stone tradition of the Dvaravati period) โดยการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 46 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 – 31 กรกฎาคม 2567 ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย
จากการประกาศครั้งนี้ ทำให้ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท นับเป็น "แหล่งมรดกโลก" ลำดับที่ 8 และ แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม แห่งที่ 5 ของประเทศไทย
อีกทั้งยังเป็นแหล่งมรดกโลกแห่งที่ 2 ของจังหวัดอุดรธานี ต่อจากแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก เมื่อ พ.ศ.2535
ภูพระบาท ได้รับการประกาศเป็นแหล่งมรดกวัฒนธรรมแบบต่อเนื่อง จำนวน 2 แหล่ง ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกห่างจากอำเภอบ้านผือ จ.อุดรธานี ประมาณ 12 กิโลเมตร ประกอบด้วย
อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท เป็นตัวแทนของวัฒนธรรมสีมาในสมัยทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ 12 - 16) อันโดดเด่นที่สุดของโลก ตาม เกณฑ์คุณค่าโดดเด่นอันเป็นสากล จำนวน 2 ข้อ
ข้อที่ 3 คือสามารถอนุรักษ์ กลุ่มใบเสมาหินสมัยทวารวดี ที่มีจำนวนมากและเป็นแหล่งใหญ่ที่สุดในโลก
ใบเสมาดังกล่าวมีความสมบูรณ์และยังคงตั้งอยู่ในสถานที่ตั้งเดิม แสดงถึงวิวัฒนาการที่ชัดเจนของรูปแบบ และศิลปกรรมที่หลากหลายของใบเสมา ซึ่งทำหน้าที่เป็นเครื่องหมายกำหนดขอบเขตพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์
เกณฑ์ข้อที่ 5 ภูมิทัศน์ของภูพระบาทได้รับการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับการใช้พื้นที่เพื่อประกอบพิธีกรรมทางพุทธศาสนา และยังคงความสำคัญของกลุ่มใบเสมาหิน โดยความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับประเพณีสงฆ์ในฝ่ายอรัญญวาสี (พระป่า)
ภูพระบาทจึงเป็นประจักษ์พยานที่โดดเด่นของการใช้ประโยชน์ของธรรมชาติ เป็นตัวแทนของวัฒนธรรมสีมา สมัยทวารวดี ซึ่งได้รับการสืบทอด รักษาวัฒนธรรมดังกล่าวที่ต่อเนื่องยาวนาน เชื่อมโยงประเพณีวัฒนธรรมของอรัญวาสีมาถึงปัจจุบัน
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า “ภูพระบาท ประจักษ์พยานแห่งวัฒนธรรมสีมา สมัยทวารวดี” (Phu Phrabat, a testimony to the Sīma stone tradition of the Dvaravati period) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกแห่งที่ 2 ของจังหวัดอุดรธานี ต่อจากแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง และเป็นแหล่งมรดกโลกลำดับที่ 8 รวมทั้งเป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งที่ 5 ของประเทศไทย ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 46 ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2567 ถือเป็นประจักษ์พยานที่โดดเด่นของการใช้ประโยชน์ของธรรมชาติ เป็นตัวแทนของวัฒนธรรมสีมา สมัยทวารวดี ซึ่งได้รับการสืบทอด รักษาวัฒนธรรมดังกล่าวที่ต่อเนื่องยาวนานมาถึงปัจจุบัน
เพื่อเป็นการร่วมชื่นชมอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จังหวัดอุดรธานี แหล่งมรดกทางวัฒนธรรมของไทยที่ได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลก และให้ประชาชนคนไทย รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ร่วมเฉลิมฉลอง กระทรวงวัฒนธรรม ได้ประกาศยกเว้นค่าธรรมเนียมเข้าชม ตั้งแต่วันนี้ 28 กรกฎาคม - 12 สิงหาคม 2567
ทั้งนี้ รัฐบาลคำนึงถึงการอนุรักษ์และพัฒนามรดกสำคัญของชาติ โดยกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ได้จัดทำแผนการอนุรักษ์และพัฒนาอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท เพื่อรองรับ นักท่องเที่ยว จัดทำแผนบริหารการจัดการด้านการท่องเที่ยวแบบบูรณาการ ซึ่งจะครอบคลุมถึงการอนุรักษ์ และต่อยอดองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมสีมาในประเทศไทย รวมทั้ง การพัฒนาสภาพแวดล้อมทางกายภาพให้เหมาะสม ภายหลังการได้รับประกาศเป็นมรดกโลก
พร้อมกันนี้ รัฐบาลมีนโยบายในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้านวัฒนธรรม โดยเพิ่มจำนวนแหล่งมรดกโลก ซึ่งขณะนี้ ประเทศไทย ได้นําเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมขึ้นบัญชีเบื้องต้นแหล่งมรดกโลกที่รอการรสนับสนุน และผลักดันเข้าสู่บัญชีรายชื่อแหล่งมรดกโลก จำนวน 5 แหล่ง ได้แก่
ปัจจุบัน "ยูเนสโก" ได้รับรองมรดกโลกไทยไปแล้ว 8 แห่ง แบ่งเป็น มรดกโลกทางวัฒนธรรม 5 แห่ง และมรดกโลกทางธรรมชาติ 3 แห่ง ดังนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง