เรื่องของนวัตกรรมและเทคโนโลยี ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญในยุคสมัยที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว AIS NEXT คือหน่วยงานที่เอไอเอส ผู้นำด้านโทรคมนาคมปั้นขึ้นมาเพื่อตามยุคสมัยให้ทัน
อราคิน รักษ์จิตตาโภค หัวหน้าฝ่ายขับเคลื่อนนวัตกรรม AIS เล่าว่า คนส่วนใหญ่เมื่อนึกถึง Deep Tech จะรู้สึกว่าต้องเป็นเรื่องยากอย่าง IoT, Big Data, AI, ML, Cloud ,Blockchain ที่เป็นเทคโนโลยียากๆ
แต่ความเป็นจริงแล้ว Deep Tech จะกลายมาเป็น Standard Tech เพื่อผสมผสานการใช้งานได้จริงในทุกมิติ
ทั้งนี้ เทรนด์ Deep Tech ที่มีการใช้งานในปี 2023 ประกอบด้วย
จาก Deep Tech สู่ Standard Tech
เมื่อเรามีโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่แข็งแรง การนำ Deep Tech มาประยุกต์ใช้งานก็เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น เช่น การนำ NFT มาใช้ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หรือ ใช้จ่ายในรูปแบบเงินดิจิทัล
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม
จาก Community สู่ Sandbox
กลุ่มผู้ประกอบการที่ใช้เทคโนโลยีสร้างโอกาสทางธุรกิจ จะดึงความทันสมัยสู่ชุมชนตามที่อยู่อาศัยต่างๆ เช่น การร่วมมือกับทาง NIA ในการทำโครงการ ARI Innovation District พัฒนาพื้นที่ย่านอารีย์ให้เป็นดิจิทัลแพลตฟอร์ม ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและพัฒนาให้เกิดระบบนิเวศน์ด้านนวัตกรรมของย่านอารีย์
Metaverse คือจุดขายที่ไม่ตกยุค
แบรนด์ใหญ่ๆ เริ่มหันมาสร้างโอกาสบนโลก Metaverse กันมากขึ้น เพื่อไม่ให้ตกยุค เพราะบางคนอาจจะมองข้ามเรื่องของคุณค่าผู้บริโภค
แต่การใช้เหรียญดิจิทัล NFT หรือเปิดห้างร้านเพื่อสร้างประสบการณ์บนโลกเมตาเวิร์ส เพื่อสร้างโอกาสประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้จักแบรนด์
สังคมแห่งภูมิปัญญาดิจิทัล
เรื่องของความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ยังคงสร้างความเสียหายส่งผลกระทบต่อประชาชนและธุรกิจจนถูกยกระดับเป็นวาระโลก จึงจำเป็นต้องสร้างความชัดเจนภายในองค์กร
จิตสำนึก Carbon Credit
การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศกลายมาเป็นวาระแห่งชาติ การนำเครื่องมือทางเทคโนโลยี มาช่วยแก้ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม หาผลกระทบของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นจากวิถีชีวิต ที่สามารถคำนวณออกมาเป็นตัวเลข คาร์บอนเครดิต แสดงถึงความรับผิดชอบ
ทั้งนี้ AIS ยังผลักดันนวัตกรรมภายในองค์กรด้วยการผุดโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
เพื่อเป็นการก้าวให้ไกลกว่าเดิม ไม่ใช่แค่วิ่งตามเทรนด์หรือรอให้เทคโนโลยีเดินหน้าไปไกลแล้วค่อยพัฒนา