วิโรจน์ วิเคราะห์ปรากฏการณ์ดราม่าเดี่ยว 13 กระแสแรง เพราะโน้สพูดตรงกับความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในใจคน ทำให้โดนใจคนกลุ่มหนึ่ง แต่แทงใจคนอีกกลุ่มหนึ่ง
ยังคงเป็นกระแสดราม่าที่ร้อนแรง สำหรับ “เดี่ยว 13” ของ โน้ส อุดม แต้พานิช หลังจากบันทึกการแสดงดังกล่าว ได้เผยแพร่ใน Netflix โดยเฉพาะช่วงที่พูดถึงผู้นำรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยมีการนำคำพูดดังกล่าวมาโพสต์ตามสื่อโซเชียลต่างๆ จนกลายเป็นไวรัล มีทั้งฝั่งคนที่ฮา และฝั่งคนที่บอกว่าไม่ขำ
ล่าสุด วิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีต ส.ส. พรรคก้าวไกล ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปรากฏการณ์ดังกล่าว ผ่านรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ดำเนินการโดย ดนัย เอกมหาสวัสดิ์ และอมรรัตน์ มหิทธิรุกข์ ดังต่อไปนี้
เดี่ยว 13 กระแสแรง เพราะโน้สพูดตรงกับความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในใจคน
โดยวิโรจน์ ได้แสดงความคิดเห็นว่า “รายการที่เป็น Stand Up Comedy เดี่ยวไมโครโฟน รายการที่สนุกสนาน ถ้าเป็นในต่างประเทศ การหยิบยกเอานักการเมือง บุคคลสาธารณะ หรือสถานการณ์การเมือง ขึ้นมาแซว ผมว่ามันเป็นเรื่องปกติเพราะว่าบุคคลสาธารณะ เขาสามารถที่จะแซวหยอกแบบแรงๆ ได้
“แต่ที่กลายเป็นเป็นกระแสดราม่ามากกว่าครั้งก่อนๆ ก็เพราะว่า คุณโน้สได้เก็บความรู้สึกที่มันซ่อนอยู่ในใจของคน เขาพูดในสิ่งที่คนอยากฟัง มันก็เลยโดนใจคนค่อนข้างมาก แล้วอะไรก็ตามที่มันโดนใจคนมากเท่าไหร่ มันก็กลับไปแทงใจคนอีกฟากฝั่งหนึ่งมากขึ้น
“มุกตลก หรือมุกที่หยอกกัน อาจจะตรงหรืออาจแรงมากกว่าครั้งก่อน มันก็เลยโดนใจคนมากกว่าครั้งที่ผ่านๆ มา แล้วเมื่อมันโดนใจมากกว่าครั้งก่อน มันก็เลยไปแทงใจอีกฟากฝั่งหนึ่งเช่นกัน เสียงชื่นชมว่าชอบ กับเสียงบ่นว่าไม่ชอบ มันจึงดังขึ้นกว่าครั้งก่อนๆ ตามไปด้วย
“ผมว่า คนที่ทำงานด้านสื่อมวลชน เขาต้องมีข้อมูลทางการตลาดว่า ผู้บริโภคต้องการเสพข้อมูลแบบไหน เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลทำให้เขาคาดการณ์ได้ว่า คนอยากฟังคอนเทนต์แบบนี้มีจำนวนมาก และเทรนด์เพิ่มขึ้นด้วย
“ใครทำงานสื่อมวลชนก็คงรู้ คือมุกตลกที่ปล่อยออกไป มุกที่แย่ที่สุดคือมุกแป้ก ไม่มีคนขำและไม่มีคนด่า แต่มุกตลก มุกที่มีประสิทธิภาพ คือ มุกที่มีคนพูดถึง มีคนชม อาจมีคนตำหนิบ้าง แต่คนชมคนชอบมากกว่า อย่างมีนัยยะสำคัญ แล้วมันก็จะกลายเป็นไวรัลที่ถูกพูดถึงในกระแสสังคม”
2. ดราม่าเดี่ยว 13 ศึกระหว่างสี ระหว่าง Gen ?
ส่วนที่มีการวิเคราะห์กันว่า ปรากฏการณ์ดราม่าเดี่ยว 13 ก็คือศึกระหว่างสีในสังคมไทยที่ยืดเยื้อมานาน รวมถึงเป็นศึกระหว่าง Gen ที่มีรสนิยมทางการเมืองไม่เหมือนกัน ซึ่งวิโรจน์ไม่เห็นด้วย พร้อมทั้งแสดงความคิดเห็นดังนี้
“ผมกลับไม่ได้คิดอย่างนั้น ผมว่าเรื่องสีวันนี้เบาบางลงไปเยอะเลยนะ วันนี้มันมีหลายสีมาก เพราะฉะนั้นตัดเรื่องสีทิ้งไป ส่วนเรื่องวัยผมคิดอย่างนี้ครับ เราเห็นกระแสโต้เถียงกันไปมาระหว่างวัย แต่เราอย่าลืมว่า มันเป็นเฉพาะกลุ่มคนที่เข้าถึงโซเชียลมีเดียเท่านั้น
"แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง การโต้เถียงกันมันไม่ได้ดุเดือดขนาดนั้น เหมือนกับว่าพอเราอยู่ในโซเชียล เราไม่เห็นหน้ากัน และก็เป็นคนกลุ่มเดิมๆ ที่โต้เถียงกัน แต่เมื่อผมออกมาอยู่โลกภายนอก ก็เห็นว่า การแสดงออกมันไม่ได้รุนแรงขนาดนั้นเหมือนที่เป็นในโซเชียล”
บทความที่น่าสนใจ
กรณีศรีสุวรรณ โพสต์ขู่โน้ส อุดม "เดี๋ยวเจอกัน"
ส่วนกรณีศรีสุวรรณ จรรยา โพสต์ไม่พอใจเดี่ยว 13 โดยระบุว่า ให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ พร้อมขู่ เดี๋ยวเจอกัน วิโรจน์ได้แสดงความคิดเห็นปิดท้ายดังนี้
“ผมต้องขอถามคนที่เอา พ.ร.บ.คอมฯ มาคุกคามเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน ผมอยากให้เขาใช้สติไตร่ตรองนิดนึง คือ Stand Up Comedy ไม่ใช่รายงานข่าว ไม่ใช่รายการสารคดีนะครับ ที่จะต้องลงรายละเอียดทั้งหมด โทษเถอะครับคุณอยู่ในโลกยุคไหนแล้ว มันไม่ใช่โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ หรือรายการอย่างคืนความสุข... เขาก็เอามาแซวมาหยอกเท่านั้นเองครับ เพื่อความบันเทิง ทำไมไร้อารมณ์ขันขนาดนั้น”