คนหางานรุ่นใหม่เบื่อ LinkedIn เพราะมีแต่โปรไฟร์คนหลงตัวเอง !

ในยุคที่โซเชียลมีเดียมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของคนรุ่นใหม่ LinkedIn กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ไม่ได้มีไว้แค่สำหรับหางานอีกต่อไป แต่เป็นพื้นที่สำหรับแสดงความสำเร็จทางอาชีพ แชร์โปรไฟล์อันโดดเด่น และโพสต์เกี่ยวกับความก้าวหน้าในสายงาน

ในขณะที่แพลตฟอร์มนี้สร้างโอกาสทางอาชีพ มันกลับนำมาซึ่งแรงกดดันทางจิตใจที่เรียกว่า ‘LinkedIn Envy’ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างหนักต่อ Gen Z วัยที่กำลังเข้าสู่ตลาดแรงงานและพยายามสร้างตัวตนในโลกแห่งอาชีพ

LinkedIn Envy คืออะไร?

หมายถึง ความอิจฉาหรือความกดดันทางจิตใจ ที่เกิดจากการเข้าไปใน LinkedIn แล้วเห็นคนอื่นโชว์โปรไฟล์ความสำเร็จแบบหรูหรา ไม่ว่าจะเป็นการได้งานในบริษัทชั้นนำ การได้รับตำแหน่งสูง หรือการบรรลุเป้าหมายทางอาชีพที่ยิ่งใหญ่ ปรากฏการณ์นี้ส่งผลให้คนรุ่นใหม่ที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นของการทำงานเกิดความรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ประสบความสำเร็จ หรือไม่ก้าวหน้าเร็วพอเมื่อเทียบกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน

การเปรียบเทียบนั้นไม่ได้เกินจริงนัก ผลสำรวจจาก DatingNews ปี 2024 พบว่ามีคนจำนวนมากที่ได้ออกเดตผ่าน LinkedIn และบางคนถึงกับชอบใช้มันมากกว่าแอปหาคู่เสียอีก

ด้วยจำนวนผู้ใช้ในอเมริกาถึง 260 ล้านคน เว็บไซต์นี้จึงเต็มไปด้วยเนื้อหาของผู้คนที่สามารถกระตุ้นอารมณ์ที่หลากหลายได้

LinkedIn มีแต่คนหลงตัวเอง !?

มีผู้ใช้คนหนึ่งถึงขั้น ไปตั้งกระทู้ใน Reddit โพสต์ว่า "ฉันลบบัญชี LinkedIn ของตัวเองไปแล้ว เพราะทุกครั้งที่เข้าไป ฉันรู้สึกแย่มากกับตัวเองอาจเป็นเพราะฉันชอบเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นมากเกินไป แต่ว่ามีใครรู้สึกเหมือนกันไหมว่า คนบนแพลตฟอร์มนั้นดูน่าขนลุกและอีโก้สูงสุดๆ? ฉันไม่ได้มีงานที่แย่เลยนะ แต่ฉันคิดว่า LinkedIn กลายเป็นพื้นที่เพาะพันธุ์ของความหลงตัวเองไปแล้ว ไม่ต่างจากโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มอื่นๆ"

แม้ว่า ‘LinkedIn Envy’ เป็นผลกระทบทางจิตใจที่เกิดจากสังคมดิจิทัลยุคใหม่ ซึ่งสามารถทำให้ คนหางานรู้สึกเครียด กดดัน และสูญเสียความมั่นใจในตนเอง แต่ในเรื่องของความอิจฉาเมื่อเห็นความสำเร็จของคนอื่น แพทย์หญิง ซูซาน ไบอาลี ฮาส (Susan Biali Haas) เขียนไว้ใน Psychology Today ว่า ผู้คนควรใช้ความอิจฉาเป็น "เครื่องมือในการทำความเข้าใจตัวเองให้ชัดเจนขึ้น และเพิ่มความรู้สึกดีต่อผู้อื่น"

ฮาสแนะนำให้ผู้คน ปรับแต่งฟีดโซเชียลมีเดียของตนเอง เพื่อลดเนื้อหาที่กระตุ้นความรู้สึกเชิงลบ ซึ่งเป็น "วิธีเชิงรุกในการปกป้องสุขภาพจิตของตัวเอง"

อย่างไรก็ตาม เธอยังกล่าวอีกว่า แทนที่จะรู้สึกอิจฉาคนอื่น เราควรใช้สิ่งนั้นเป็นแรงผลักดันให้ตัวเอง

"คนที่เรารู้สึกอิจฉา อาจสะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่เราปรารถนา หรือแม้แต่สิ่งที่เราจำเป็นต้องทำในชีวิตของเรา" เธอกล่าว

ที่มา : nypost

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• เด็ก Gen Beta ถูกมองแง่ลบเพราะชื่อเป็นผู้ตาม คำดูถูกจริงหรือ? 
• สัมผัสประสบการณ์อาบป่า ในเกม Fire Watch ให้ธรรมชาติเยียวยา และแก้ปัญหาชีวิต 
• ผลการศึกษาเผยว่าผู้ชายชอบเรื่องโรแมนติกมากกว่าผู้หญิง !