svasdssvasds

รักหลายคนพร้อมกันผิดตรงไหน เพราะรักเดียวใจเดียวเป็นสิ่งสมมุติขึ้น !

รักหลายคนพร้อมกันผิดตรงไหน เพราะรักเดียวใจเดียวเป็นสิ่งสมมุติขึ้น !

มีภรรยาหรือสามีหลายคนไม่ใช่เรื่องผิด ใครๆ ก็ทำ อย่าลืมว่าเรื่องรักเดียวใจเดียว 'Monogamy' เป็นเรื่องสมมุติมาตั้งแต่แรกแล้ว

SHORT CUT

  • ผู้ชายจะถูกสัญชาตญาณกระตุ้นให้ออกไปมีผู้หญิงหลายคน มากกว่าการมีเพียงหนึ่งเดียว ไม่ใช่นิสัย แต่เป็นเรื่องของสัญชาตญาณ
  • ค่านิยม “รักแค่คนเดียว” ที่ฝังรากกรีกจนถึงวันนี้ ! อาจมาจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมปลาย ศต. 18 เพราะเดิมทีสังคมชนบทมักอยู่กันแบบครอบครัวใหญ่ แต่เมื่อแรงงานเข้ามาในเมืองครอบครัวก็เล็กลง
  • อยู่กับคู่แต่งงานทั้งชีวิต และเรื่องโรแมนติกเกี่ยวกับความรักทั้งหลาย ล้วนเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อจัดระเบียบสังคม

มีภรรยาหรือสามีหลายคนไม่ใช่เรื่องผิด ใครๆ ก็ทำ อย่าลืมว่าเรื่องรักเดียวใจเดียว 'Monogamy' เป็นเรื่องสมมุติมาตั้งแต่แรกแล้ว

ในวันวาเลนไทน์ ดอกกุหลาบสีแดงและของขวัญกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรักที่มั่นคง เพราะคนเรามักให้คุณค่ากับความสัมพันธ์ที่ยืนยาว รักเดียวใจเดียว และการมีคู่ครองเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่เคียงข้างกันไปจนแก่เฒ่า

ดูเหมือนว่าสังคมจะยกย่องแนวคิดนี้ว่าเป็นแบบแผนของความรักที่แท้จริง จนหลายคนมองว่านี่เป็นตัวตนที่ถูกต้องของมนุษย์มาตั้งแต่กำเนิด แต่หากเรามองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ ค่านิยมรักเดียวใจเดียวที่สังคมให้ความสำคัญนี้ ไม่ได้เป็นสิ่งที่ฝังรากลึกในธรรมชาติของมนุษย์มาแต่เดิม แต่เป็นแนวคิดที่ถูกสร้างขึ้น และถูกปลูกฝังผ่านคำสอนและสื่อต่างๆ

แท้จริงแล้ว มนุษย์ในอดีตไม่ได้มีรูปแบบความสัมพันธ์ที่ตายตัวและยึดติดกับรักเดียวใจเดียวเช่นในปัจจุบัน หลักฐานทางมานุษยวิทยาชี้ให้เห็นว่าชุมชนโบราณมักให้ความสำคัญกับความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ และผู้ชายจะถูกสัญชาตญาณกระตุ้นให้ออกไปมีผู้หญิงหลายคน มากกว่าการมีเพียงหนึ่งเดียว

รักหลายคนพร้อมกันผิดตรงไหน เพราะรักเดียวใจเดียวเป็นสิ่งสมมุติขึ้น !

ค่านิยม ‘รักเดียวใจเดียว ห้ามนอกใจ’ มาจากไหน 

ในอดีต ความซื่อสัตย์ต่อคู่ชีวิต  หรือ ที่เรียกว่า ‘Monogamy’  เริ่มปรากฏครั้งแรกในสังคมชาวกรีก และชาวโรมัน ในหนังสือ The Biology of Moral Systems ที่เล่าถึงความสัมพันธ์ของมนุษย์ตั้งแต่อดีต เผยว่า ประเทศที่สนับสนุนให้ผู้ชายมีภรรยาคนเดียว ช่วยทำให้โครงสร้างสังคมมีเสถียรภาพมากขึ้นในเชิงประชากร การเมือง และเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในสังคมที่ต้องการสร้างกองทัพที่แข็งแกร่ง เพราะหากผู้ชายมีภรรยาหลายคนได้ จะทำให้เกิดการแย่งชิงผู้หญิงและทรัพยากรจนทำให้สังคมอ่อนแอ

ศาสนาสร้างค่านิยมให้รักเดียวใจเดียว ! 

ต่อมา เมื่อศาสนาคริสต์เริ่มแพร่หลาย ก็ได้นำแนวคิด รักเดียวใจเดียวมาด้วย การแต่งงานจึงถูกมองว่าเป็น "สายสัมพันธ์กับคู่รักและพระเจ้าไปตลอดกาล" และเมื่อ บทละคร "Romeo and Juliet" ของ เชกสเปียร์ ออกมาปลาย ศต. 16 ก็กลายเป็นหนึ่งในอิทธิพลสำคัญให้ ‘รักเดียวใจเดียว’ เป็นเรื่องน่ายกย่องยิ่งขึ้น ทั้งที่มันเป็นเรื่องแต่งเพื่อความโรแมนติกเท่านั้น

PHOTO Eugène Delacroix  (1798–1863)  

ส่วนในทวีปเอเชีย แนวคิดเรื่องรักเดียวใจเดียวและการห้ามมีภรรยาหรือสามีหลายคนได้รับอิทธิพลจากคำสอนของศาสนาเช่นกัน โดยเฉพาะพุทธศาสนา ที่มีข้อห้ามประพฤติผิดในกามส่งเสริมค่านิยมของความซื่อสัตย์และความผูกพันระหว่างคู่สมรสจนถึงวันนี้

กำเนิดคนเมือง จึงต้องมีคู่แค่คนเดียว 

ค่านิยม “รักแค่คนเดียว” ที่ฝังรากกรีกจนถึงวันนี้ ! อาจมาจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมปลาย ศต. 18 เพราะเดิมทีสังคมชนบทมักอยู่กันแบบครอบครัวใหญ่ แต่เมื่อแรงงานเข้ามาในเมืองครอบครัวก็เล็กลง ความสัมพันธ์ระหว่างสามีและภรรยาแค่คู่เดียว จึงมีความสำคัญมากขึ้นและพึ่งพากันมากกว่าเดิม ชายที่อยู่กับคู่ครองของตนแค่คนเดียว มีแนวโน้มที่จะต่อสู้กับค่าครองชีพได้ดีกว่า คนที่มีภรรยาหลายคน

รักหลายคนพร้อมกันผิดตรงไหน เพราะรักเดียวใจเดียวเป็นสิ่งสมมุติขึ้น !

ต้องดูแลลูกมากขึ้น เมื่ออยู่ในเมือง 

ยิ่งไปกว่านั้น การดูแลลูกให้เติบโตในเมือง ต้องใช้เวลาและการเสียสละของพ่อแม่ทั้งคู่ จึงเป็นเรื่องปกติมากขึ้น ที่ผู้ชายและผู้หญิงจะอยู่กันแค่ครอบครัวเล็ก เพื่อดูแลลูกให้ดีที่สุด และกลายเป็นค่านิยมจนถึงปัจจุบัน

โจเซฟ เอฟ. สมิธ (Joseph F. Smith) เป็นผู้นำของ ศาสนจักรมอรมอน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1901 จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1918 ในภาพนี้ เขาปรากฏตัวพร้อมกับ ภรรยาและลูกๆ ของเขาในช่วงประมาณปี ค.ศ. 1904 เขาแต่งงานกับ ภรรยาทั้งหมด 6 คน และมีบุตร 48 คน

มีคู่หลายคนชีวิตไม่น่าเบื่อ 

จะเห็นได้ว่า การรักเดียวใจเดียว อยู่กับคู่แต่งงานทั้งชีวิต และเรื่องโรแมนติกเกี่ยวกับความรักทั้งหลาย ล้วนเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อจัดระเบียบสังคม แต่การมีหลายรัก หรือเรียกว่า ’ Polygamy’ ก็ยังไม่ได้หายไปจากสังคม แม้อาจผิดกฎหมายและค่านิยมหลายประเทศ แต่นี่ก็เป็นการสะท้อนว่า คนบางคนยังยอมรับสัญชาตญาณดั้งเดิมของตัวเองอยู่ และคนที่มีสามีหรือภรรยาหลายคน มักมีอิสระได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ประเภทนี้จะต้องเผชิญกับความซับซ้อนและปัญหามากกว่า หากจัดการไม่ดีๆ 

เราอาจไม่ควรตำหนิหรือวิพากษ์วิจารณ์ผู้ที่เลือกมีความรักหลายคน เพราะพวกเขาอาจเพียงแค่เป็นเหมือนมนุษย์ปกติเท่านั้น

ในทางกลับกัน ผู้ที่ยึดมั่นในความรักเดียวใจเดียว แม้จะเป็นค่านิยมที่สังคมยกย่อง แต่ก็อาจต้องเผชิญกับความเบื่อหน่ายอยู่ก็ได้ แต่ยังคงต้องแสดงออกว่าเป็นสุขเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานทางสังคม ดังนั้น ควรให้ความเห็นใจและเข้าใจในความยากลำบากของพวกเขาด้วย

ไม่ว่าคุณจะเป็นเพศอะไร จะชอบอัตลักษณ์ทางเพศแบบไหน จะยังไม่ม่คู่ มีคู่คนเดียว หรือมีคู่หลายคน ก็ถือเป็นเรื่องปกติมากๆ

ที่มา : feeld 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

 

related