svasdssvasds

เราเสียเวลาเกือบ 5 วันต่อปี แค่เลื่อนหาว่าจะดูอะไรดีบน Netflix และ YouTube

เราเสียเวลาเกือบ 5 วันต่อปี แค่เลื่อนหาว่าจะดูอะไรดีบน Netflix และ YouTube

"ผลสำรวจชี้ คนอเมริกันใช้เวลา 110 ชั่วโมงต่อปี เลื่อนหาคอนเทนต์ในสตรีมมิง แต่กลับเจอปัญหา ‘เนื้อหาล้น แต่ไม่มีเวลาดู"

การสมัครบริการสตรีมมิงเพื่อดูสื่อบันเทิงคือเรื่องปกติในยุคนี้ แต่มันก็มาพร้อมปัญหาดูไม่ทัน ไม่มีเวลาดู ดูไม่นานก็เปลี่ยนไปดูเรื่องอื่น !

องค์กรวิจัย Talker Research ได้สำรวจผชาวอเมริกัน 2,000 คนที่สมัครใช้บริการสตรีมมิงอย่างน้อยหนึ่งแพลตฟอร์ม โดยการสำรวจนี้ได้รับดำเนินการในช่วงวันที่ 2-7 พฤศจิกายน 2024 พบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจใช้เวลาเฉลี่ย 110 ชั่วโมงต่อปีเพียงแค่เลื่อนหาว่าจะดูอะไรในแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง 

มีชาวอเมริกัน 41% บอกว่าคลังเนื้อหาที่มีมากเกินไปทำให้การเลือกยากขึ้น และอีก 26% คิดว่ามีการผลิตเนื้อหาใหม่มากเกินไปจนตามดูไม่ทัน และแม้ว่า บริการสตรีมมิงจะมีระบบแนะนำคอนเทนต์ที่ตรงกับความสนใจเราอย่างแม่นยำ แต่ 51 % ของผู้ตอบแบบสอบถามกลับบอกว่า มีความเหนื่อยล้ามากขึ้นเมื่อต้องตามดูทุกอย่างที่ระบบแนะนำ 

บริการสตรีมมิงกลับเข้ามาสร้างปัญหาการเลือกดูสื่อ !

เดิมแพลตฟอร์มบันเดิงต่างๆ อย่าง Netflix, Disney+ Hotstar, HBO Max, Youtube มีขึ้นเพื่อแก้ปัญหาให้ผู้ใช้งานได้ดูคอนเทนต์ที่ตรงความสนใจได้ทุกเมื่อ แต่เมื่อมีมากเกินไป กลับกลายเป็นการความยุ่งยากในการเลือกดูเนื้อหาที่ชอบแทน และทำให้ผู้ใช้ต้องเสียเวลาเฉลี่ยรวมๆ กัน 5 วันต่อปี ซึ่งเวลาที่เสียไปควรใช้ไปกับ กับการเพลิดเพลินกับเนื้อหาจริงๆ มากกว่า 

เราเสียเวลาเกือบ 5 วันต่อปี แค่เลื่อนหาว่าจะดูอะไรดีบน Netflix และ YouTube

จะยกเลิกสตรีมมิงก็ทำได้ยาก 

ผู้ตอบแบบสอบถามเกือบครึ่ง ประสบปัญหาค้นหาปุ่มยกเลิกไม่เจอ หรือมองว่ากระบวนการยกเลิกซับซ้อนเกินไป สะท้อนประสบการณ์ผู้ใช้สตรีมมิงที่มองผู้ให้บริการในเชิงลบมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ยังมีความไม่พอใจต่อค่าบริการแอบแฝงที่ไม่บอกผู้ใช้ตั้งแต่แรก แพลตฟอร์มสตรีมมิงจึงต้องปรับสมดุลระหว่างความหลากหลายของเนื้อหากับการเข้าถึงและความโปร่งใส เพื่อรักษาความนิยมของผู้ใช้ให้ได้มากกว่านี้

ที่มา : fortune

related