'เชน ธนา' ร่ำไห้เปิดใจ ยืนยันไม่ได้ฉ้อโกงปม 79 ล้านบาท แจงตนเป็นลูกหนี้ที่ดี

ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ หรือ เชน ธนา กับนางกณิการ์ ภูศรี ภรรยา เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกครั้งที่ 2 เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ในฐานความผิดฉ้อโกง กรณีถูกบริษัทอาหารเสริมเเห่งหนึ่ง แจ้งเอาผิดฉ้อโกงเงินค่าผลิตสินค้าจำนวน 79 ล้านบาท โดยตำรวจไม่มีการควบคุมตัว เนื่องจากมาตามหมายเรียกและมีการนัดหมายอีกครั้งในวันที่ 26 พ.ย.

นายธนาตรัยฉัตร เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้มีบริษัทอาหารเสริมเเห่งหนึ่ง แจ้งความดำเนินคดีกับตนและภรรยาในเรื่องการฉ้อโกงเงินค่าผลิตสินค้าจำนวน 79 ล้านบาท เบื้องต้นตนให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา 

โดยนายธนาตรัยฉัตร เล่าถึงจุดเริ่มต้นเรื่องนี้ว่า ตนสั่งสินค้าจากบริษัทผู้เสียหาย ซึ่งสินค้ามีทั้งหมด 2 ล็อต

ล็อตแรกขายดีเพียง 7 วันแรก หลังจากนั้นได้รับแจ้งจากทาง อย. ว่ามีปัญหาในเรื่องการขออนุญาตโฆษณา กล่องผลิตภัณฑ์ไม่สามารถนำไปโฆษณาผ่านสื่อต่างๆที่ซื้อไว้ได้ ไม่ว่าจะเป็นทางโทรทัศน์หรือ Billboard ทำให้ต้องเรียกกล่องสินค้าคืนทั้งประเทศ

นอกจากนี้สินค้าไม่ได้ตามที่ตกลง ตอนแรกที่สั่งผลิตภัณฑ์ไปเนื้อเป็นตัวสีเหลือง แต่ของที่ได้รับกลับเป็นสีส้ม ซึ่งตนไม่ได้มองว่ามันไม่ได้มีคุณภาพ แต่ไม่ได้เป็นไปตามที่ตกลงกัน สินค้าทั้งหมดจึงไม่ได้ถูกนำไปขายและไม่ได้นำเงินมาหมุนแต่อย่างใด ทุกชิ้นยังคงอยู่ที่โกดังสำนักงาน มูลค่าความเสียหายกว่า 60 ล้านบาท

และ เดิมทีคดีนี้พนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากมองว่าเป็นคดีแพ่งตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค. 65 ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นมองว่าเป็นเรื่องทางธุรกิจ หากศาลแพ่งมองว่าตนเป็นหนี้ตนยินดีที่จะจ่าย   

ต่อมาทางอัยการกลับมีความเห็นสั่งให้ฟ้องในข้อหาฉ้อโกง ซึ่งตนเองก็ตกใจว่ามันกลายเป็นคดีอาญา ทางพนักงานสอบสวนจึงเรียกให้ตนมาเข้าพบเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา  ยืนยันสนับสนุนว่าตนไม่ได้มีเจตนาที่จะฉ้อโกง 

ช่วงหนึ่งของการแถลงข่าว นายธนาตรัยฉัตร กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ กล่าวว่า ส่วนหนึ่งที่การขออนุญาตโฆษณามีปัญหา เพราะมีบุคคลหนึ่งได้แนะนำกับตนว่าให้โฆษณาเกินจริงไปเลย แล้วเดี๋ยวจะจ่ายค่าปรับให้ แต่มันทำไม่ได้ เพราะเจ้าหน้าที่ อย.ได้มีการตรวจสอบ และตนมีศักดิ์ศรี  

ที่ผ่านมาตนเป็นหนี้มาตั้งแต่ปี 64 ก็ทำงานหาเงินใช้หนี้มาโดยตลอด  และ ยังกล่าวบอกสื่อมวลชนว่า อย่าแซวว่าแกล้งร้องไห้ ขอจริงๆ เพราะที่ผ่านมาตนสู้มาตลอดจริงๆ ในเรื่องขายของ และมองว่าคดีที่ผ่านมามันเป็นแพ่งจริงๆ ถ้าศาลให้ใช้หนี้ก็ยินดีจะใช้หนี้  บริษัทอมาโด้ ตนเองเอาทั้งชีวิตใส่ไปแล้ว หากอมาโด้ตาย ตนก็ตายไปด้วย และจะไม่อนุญาตให้ตนเองมีความสุข ถ้ายังใช้หนี้ไม่หมด
 

นายธนาตรัยฉัตร ยอมรับว่าเครียด และมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องธุรกิจ เป็นคดีแพ่ง ไม่ควรเอาเรื่องส่วนตัวมากดดันกัน และตนเองเป็นลูกหนี้ที่ดี ก็ควรได้รับความยุติธรรม 

“ที่ผ่านมาทำธุรกิจ เป็นเรื่องของสัญญาซื้อขาย แต่ไม่น่าเอาเรื่องส่วนตัวมากดดัน มองว่ามีหลักฐานที่แน่นพอเกี่ยวกับสัญญาซื้อขาย ยืนยันไม่ใช่ฉ้อโกง เพราะมั่นใจว่าเป็นลูกหนี้ที่ดี ทั้งที่ในธุรกิจหลายตัวสร้างงาน สร้างอาชีพ”

สุดท้ายตนเองมีพยานหลักฐานแน่นพอ มีสัญญาซื้อขาย ส่วนที่เลื่อนหมายเรียกมาหลายครั้งเพราะตนเองได้รับหมายกะทันหัน รวมทั้งต้องไปขอคัดเอกสารจากทางบริษัท เพราะเป็นคดีนิติบุคคล

ส่วนกรณีที่ตนเองถูกแฉว่าเคยโดนดำเนินคดีฉ้อโกงและพ.ร.บ.เช็ค ก็อยากชี้แจงว่า ในส่วนคดีฉ้อโกงศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องแล้ว แต่ว่ายังอยู่ในระหว่างกระบวนการอุทธรณ์ของโจทก์ แต่มีการนำมาเล่นโจมตีเพียงด้านเดียว ส่วนพ.ร.บ.เช็คยอมรับว่าถูกศาลสั่งจำคุกจริง ขณะนี้เป็นการประกันตัวระหว่างสู้คดี