svasdssvasds

“เศรษฐา ทวีสิน” หลุดเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เอกชนหวั่นเกิดสุญญากาศเศรษฐกิจ

“เศรษฐา ทวีสิน” หลุดเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เอกชนหวั่นเกิดสุญญากาศเศรษฐกิจ

เป็นที่แน่นอนแล้วว่า “เศรษฐา ทวีสิน” ได้หลุดจากเก้าอี้นายกฯ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้านเอกชนหวั่นสุญญากาศเศรษฐกิจ หวังได้นายกฯใหม่เร็วขึ้นแก้ไขปัญหาปากท้อง

SHORT CUT

  • ข่าวเด่นประเด็นร้อนของวันนี้ 14 ส.ค.2567 ต้องเป็นเรื่องการหลุดออกจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี
  • แน่นอนว่าเรื่องนี้ภาคเอกชน ในธุรกิจไทยต่างมองว่าจะทำให้นักลงทุนต่างช็อก และชะงักการลงทุน
  • ล่าสุดตลาดหุ้นไทยปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 1,292.69 จุด ลดลง 5.10 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 0.39% จากเปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,297.79 จุด

เป็นที่แน่นอนแล้วว่า “เศรษฐา ทวีสิน” ได้หลุดจากเก้าอี้นายกฯ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้านเอกชนหวั่นสุญญากาศเศรษฐกิจ หวังได้นายกฯใหม่เร็วขึ้นแก้ไขปัญหาปากท้อง

แน่นอนว่าข่าวเด่นประเด็นร้อนของวันนี้ 14 ส.ค.2567 ต้องเป็นเรื่องการหลุดออกจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำวินิจฉัยคดีที่กลุ่ม 40 อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ยื่นคำร้องให้วินิจฉัยกรณี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นำความกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีโดยขอให้ศาลมีคำวินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง(4) ประกอบมาตรา 160(4)และ(5) หรือไม่

โดยล่าสุดล่าสุดเวลา 15.30 น. ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4  มีคำวินิจฉัยให้ นายเศรษฐา ทวีสิน สิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรี เนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และคณะรัฐมนตรีต้องพ้นตำแหน่งทั้งคณะ แน่นอนว่าเรื่องนี้ย่อมไม่ส่งผลดีต่อการค้า การลงทุน เศรษฐกิจไทย ความเชื่อมั่นของต่างชาติแน่นอน วันนี้ #สปริงนิวส์ จะพามาส่องความคิดเห็นภาคเอกชนว่ามีมุมมอง และความกังวลเรื่องนี้อย่างไร มาเริ่มกันที่ นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า มุมของภาคเอกชนเห็นว่าคำวินิจฉัยถอดถอนนายกฯ ทำให้นักลงทุนต่างช็อก และชะงักการลงทุน

คาดนักลงทุนช็อก ชะงักการลงทุน

เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยมีปัญหาทางเศรษฐกิจที่รุมเร้า รวมถึงมีความท้าทายมากมายที่เกิดขึ้นในโลก และประเทศไทยก็ยังอยู่ในช่วงที่จะต้องรีบเร่งในการที่จะสร้างความเชื่อมั่น สร้างการลงทุนใหม่ๆ เชิญชวนนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ ทั้งนี้มองอีกว่าช่วงนี้เป็นช่วงจังหวะที่สำคัญ และปัจจัยที่เป็นตัวที่พิจารณาสำหรับนักลงทุน ก็คือ เรื่องของการเมือง ต้องมีการเมืองที่มีเสถียรภาพต่อเนื่อง เพราะที่ผ่านมาไม่มีความต่อเนื่องมานาน การเปลี่ยนขั้วพรรคการเมืองตลอดเวลาก็จะทำให้นโยบายที่รัฐบาลเคยขับเคลื่อนนั้นหยุดชะงักไปทำให้ขาดความต่อเนื่อง

“ต้องยอมรับว่าตั้งแต่มีคดี ตลอดระยะเวลากว่า 80 วัน ทุกคนก็ชะลอการลงทุนอยู่แล้ว และรอดูกันอยู่ว่าสถานการณ์จะเป็นยังไง ทุกฝ่ายมีการมอนิเตอร์ ติดตามผล แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกอุตสาหกรรมจะหยุดหมดเพราะก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของอุตสาหกรรมนั้นๆ ด้วย ส่วนนักลงทุนต่างประเทศฝั่งอเมริกา ยุโรป อาจจะให้น้ำหนักในเรื่องนี้มาก เรียกว่าซีเรียสเลยก็ว่าได้ ทำให้มีนักธุรกิจหลายรายต้องการความชัดเจนในส่วนนักลงทุนทั้งโซนเอเชียเองอย่างนักลงทุนจากญี่ปุ่น ที่ถือว่าเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดของไทย และอยู่ในประเทศมา 40 - 50 ปี ก็อาจจะเริ่มเรียนรู้ และสามารถปรับตัวได้ แต่การที่นายกรัฐมนตรี พ้นจากเก้าอี้แบบนี้ก็มีความกังวลหวั่นว่าจะเกิดสุญญากาศฉุดเศรษฐกิจไทย”

 

หวั่นเศรษฐกิจไทยเจอสุญญากาศระยะสั้น

ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า เรื่องนี้อาจทำให้เศรษฐกิจไทยเกิดสุญญากาศระยะสั้น ส่งผลต่อความเชื่อมั่นประเทศ และมีผลต่อเศรษฐกิจปี 2567 ที่ระดับ 0.3% ทั้งนี้เมื่อพิจารณาปัจจัยเศรษฐกิจปัจจุบันถึงปลายปีนี้ มองว่า เศรษฐกิจไทยมีโอกาสน้อยที่จะเติบโตเพราะเผชิญปัญหาเสี่ยงหลายด้าน

สำหรับการประเมินผลการทำงานของรัฐบาลในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่ารัฐบาลเข้ามาช่วงที่มีโจทย์ยากด้านเศรษฐกิจทั้งความไม่ชัดเจนของสงคราม การจัดทำ และการใช้จ่ายงบประมาณล่าช้า ซึ่งเห็นว่าการแก้ไขปัญหาช่วงแรกอาจไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

อาจกระทบภาคท่องเที่ยวระยะสั้น

พามาดูด้านการท่องเที่ยว นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า ภาคท่องเที่ยวอ่อนไหวกับประเด็นความปลอดภัย และความเชื่อมั่นทางการเมือง หากรัฐบาลมีเสถียรภาพจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการท่องเที่ยวในการทำตลาด อย่างไรก็ตามเชื่อว่ากระทบภาคท่องเที่ยวระยะสั้น แต่สุดท้ายแล้วรัฐบาลต้องขับเคลื่อนนโยบายท่องเที่ยวต่อ เพราะเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการสร้างรายได้ตอนนี้

นายอิสระ บุญยัง ประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจระยะสั้น และนโยบายที่เกิดจากแนวคิดของนายกรัฐมนตรีคงยุติลง แต่นโยบายที่มาจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีเสียงมากที่สุดในพรรคร่วมรัฐบาลน่าจะขับเคลื่อนต่อได้ ภายใต้การเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ หากยังคงเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเดิมแนวทางการบริหารประเทศจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงในนโยบายมากนัก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของไทยในระยะสั้นเช่นกัน

หุ้นไทยปิดตลาดดิ่ง 5.10 จุด รับข่าวร้าย!!!

ส่วนตลาดทุนไทยวันนี้ 14 สิงหาคม 2567 หุ้นไทยปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 1,292.69 จุด ลดลง 5.10 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 0.39% จากเปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,297.79 จุด โดยระหว่างวันดัชนีดีดตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,306.88 จุด และย่อตัวลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,280.99 จุด มีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 53,352.88 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันพรุ่งนี้ขึ้นกับข่าวไทม์ไลน์เลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ให้แนวรับ 1,270 จุด ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดเดิมเมื่อ 5 ส.ค.(black Monday) แต่หากตั้ง ครม.ได้เร็ว นโยบายไม่เปลี่ยน ดิจิตอลวอลเล็ตยังทำได้ต่อ ตลาดก็มีโอกาสรีบาวด์ไปที่ 1,300 จุดได้

ต้องจับตาต่อไปว่าจะได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่มาเร่งทำงานแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ปากท้องประชาชนได้เมื่อไหร่?

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

related