SHORT CUT
การที่คนต่างด้าว หรือต่างประเทศ มาอยู่เมืองไทยแล้วอยากได้สัญชาติไทยเป็นคนไทยนั้นสามารถทำได้จริง แต่ต้องผ่านกระบวนการทางกฎหมาย
จากกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์ได้เปิดเผยและวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างถึงภาพป้ายโฆษณาภาษาจีนเชิญชวนซื้อพาสปอร์ตย้ายประเทศ ซึ่งมีทั้ง อินโดนีเซีย, วานูอาตู, กัมพูชา และตุรกี พร้อมรับประกัน 30 วันได้สัญชาติทันที ปลอดภัยเป็นความลับ และรับสมัครตัวแทนทั่วโลก อยู่บริเวณกลางสี่แยกห้วยขวาง ถ.รัชดาภิเษก
ล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ได้ทราบถึงกรณีที่เป็นกระแสข่าว ได้สั่งการให้มีการนำป้ายโฆษณาดังกล่าวลงทันทีในช่วงเช้าที่ผ่านมา พร้อมได้กำชับให้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ว่าป้ายโฆษณาดังกล่าวได้ดำเนินการขออนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย เจ้าของผู้โฆษณาประกอบธุรกิจที่ถูกกฎหมายหรือไม่ และนำข้อเท็จจริงที่ได้ทั้งหมดเปิดเผยให้ประชาชนทราบอย่างโปร่งใส
หากพบมีการกระทำที่ผิดกฎหมายให้เร่งสอบขยายผลไปถึงต้นตอผู้กระทำผิดและลงโทษตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
การได้มาซึ่งสัญชาติไทย ของคนไทยภายใต้กฎหมายแห่งราชอาณาจักรไทย
1.2.1 บิดา มารดา มีถิ่นพำนักถาวรในราชอาณาจักร (มีใบสำคัญถิ่นที่อยู่) บุตรเกิดในราชอาณาจักรจะได้ สัญชาติไทยตั้งแต่เกิด
1.2.2 ถ้าบิดามารดาไม่มีถิ่นพำนักในราชอาณาจักร (มีใบสำคัญถิ่นที่อยู่) บุตรเกิดในราชอาณาจักรจะได้ สัญชาติไทยต่อเมื่อต้องยื่นเรื่องขอสัญชาติไทย และได้รับอนุมัติจากผู้มีอำนาจตามกฎหมาย
ทั้งนี้ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยเป็นระยะเวลาหนึ่ง จะต้องพบเจอกับอุปสรรคในเรื่องต่างๆ ทั้งการขอยืดระยะเวลาอยู่ในประเทศไทย การเปิดบริษัท การซื้ออสังหาริมทรัพย์ หรือแม้แต่การต้องไปรายงานตัวทุก 90 วัน ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้การใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยราบรื่นขึ้น และไม่เจอกับอุปสรรคเหล่านี้อีกคือการแปลงสัญชาติเป็นคนไทย
5. มีหลักฐานการจ่ายภาษีเงินได้ไม่ต่ำกว่า 3 ปี
6. มีความประพฤติดี โดยผ่านการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
7. มีความรู้ด้านภาษาไทย (สามารถร้องเพลงชาติไทย และเพลงสรรเสริญพระบารมีได้)
หากย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2565 โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศว่า ครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวงฉบับปรับปรุง เรื่องกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ แบบการขอสัญชาติไทย การแปลงสัญชาติเป็นไทย การสละสัญชาติไทย การกลับคืนสัญชาติไทย และค่าธรรมเนียม เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
ระเบียบใหม่นี้กำหนดให้ชาวต่างชาติที่ต้องการขอสัญชาติไทยจะต้องมีทักษะด้านภาษาไทย โดยสามารถพูดและเข้าใจภาษาไทยได้ ทั้งนี้ ผู้ยื่นขอสัญชาติจะต้องผ่านการทดสอบภาษาไทยจากคณะอนุกรรมการที่แต่งตั้งโดยคณะกรรมการไตร่ตรองด้านสัญชาติ หรือจะต้องมีเอกสารรับรองจากสถาบันการศึกษาที่ได้รับการรับรอง ว่าผู้ยื่นขอสัญชาติได้สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับประถมจากโรงเรียนในประเทศไทย ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้สมัครขอสัญชาติเพียงแค่ต้องสื่อสารภาษาไทยได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มีกำหนดว่าต้องผ่านการทดสอบ
ระยะเวลาในการตรวจสอบและพิจารณาเอกสารจะต้องอยู่ภายใน 90 วัน และในกรณีที่มีการยื่นใบสมัครในต่างประเทศ จะใช้เวลาไม่เกิน 120 วัน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สามารถขอยืดเวลาพิจารณาเอกสารได้สองครั้ง แต่ละครั้งจะต้องไม่เกิน 30 วัน หากมีเหตุผลที่เหมาะสม
ด้านพล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 โฆษก สตม. เปิดเผยถึงการซื้อขายหนังสือเดินทางทั้ง 4 สัญชาติ ทำได้หรือไม่ ผิดกฎหมายไทยหรือไม่ ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า หนังสือเดินทาง คือเอกสารรับรองการมีตัวตนในสัญชาตินั้นๆ ซึ่งบุคคลนั้น ต้องได้เป็น บุคคลที่เป็น Citizen ของชาตินั้นๆก่อน
ดังนั้น ในกรณีนี้ ต้องดูว่า รัฐบาลทั้ง 4 สัญชาติ ยินยอมให้บุคคลต่างชาติใช้สัญชาติของประเทศตัวเองหรือไม่ ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์ของประเทศนั้นๆ เราคงไม่สามารถชี้แจงแทนประเทศนั้นๆ ได้ และการซื้อขายหนังสือเดินทางตามที่กล่าวอ้าง ก็ต้องหมายถึง การซื้อสัญชาตินั้นด้วย จึงจะออกหนังสือเดินทางชาตินั้นๆได้ ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์ของรัฐบาลชาติดังกล่าวอีก ว่า สามารถอนุญาตให้ซื้อขายได้จริงหรือไม่ ?
ส่วนการโฆษณาเช่นนี้ ผิดกฎหมายหรือไม่ พล.ต.ต.เชิงรณ กล่าวว่า ประเด็นนี้ ต้องดูว่า การโฆษณานี้นั้น เข้าลักษณะหลอกลวงหรือไม่ เช่น พอมีลูกค้าจ่ายเงินแล้ว แต่ไม่มีการรับบุคคลนั้นเป็น citizen หรือ ไม่สามารถทำหนังสือเดินทางให้ได้จริง ก็อาจเข้าข่ายการโฆษณาข้อความอันเป็นเท็จ และฉ้อโกงตามแต่พฤติกรรมที่ปรากฏ
ซึ่งต้องมีผู้เสียหายมาแจ้งความ หรือ กรณีออกหนังสือเดินทางปลอมให้ ก็เข้าข่ายปลอมแปลงเอกสาร ฯ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดต้องดูตามข้อเท็จจริง ส่วนการขึ้นป้ายสาธารณะนั้น เป็นกฎหมายที่มีหน่วยงาน เขตพื้นที่ที่รับผิดชอบโดยตรง กำกับควบคุมดูแลและอนุญาตติดตั้ง ต้องให้หน่วยงานนั้นชี้แจงในรายละเอียดต่อไป
ทั้งนี้การเผยแพร่จำหน่ายหนังสือเดินทาง ลักษณะดังกล่าวมีข้อสงสัยว่า บุคคลที่ต้องการซื้อหนังสือเดินทางสัญชาติอื่น ทั้งที่ตนมีสัญชาติอยู่แล้ว มีเจตนาอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้ ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้มอบหมายฝ่ายสืบสวนทำการตรวจสอบกับสถานกงสุล และสถานทูตทั้ง 4 สัญชาติดังกล่าว ถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพื่อขยายผลต่อไป หากพบว่ามีเจตนาที่เกี่ยวข้องกับขบวนการทำผิดกฎหมาย จะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. เปิดเผยว่า การซื้อขายสัญชาติมีอยู่จริงในโลก ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในประเทศที่มีประชากรน้อย และเชิญชวนชาวต่างชาติไปทำธุรกิจในประเทศเหล่านั้น ซึ่งมีเพียงไม่กี่ประเทศ
แต่สำหรับในประเทศไทย ยืนยันว่าไม่มีการซื้อขายสัญชาติแบบนี้แน่นอน และกรณีที่เกิดขึ้นต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีการซื้อขายจริงหรือไม่ หรือหากมีการกระทำจริง จะเข้าข่ายความผิดทางกฎหมายของไทยในข้อไหน จึงต้องตรวจสอบอย่างละเอียด
ที่มา : Siam Legal , กระทรวงมหาดไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง