SHORT CUT
วัน "อีฎิ้ลอัฎฮา" วันที่ 10 ของเดือนซุลฮิจญะฮ์ ชาวมุสลิมทั่วโลกพากันเฉลิมฉลองโดยการ "เชือดสัตว์" พลีทาน เพื่อให้ได้รำลึกถึงประวัติศาสตร์แห่งความศรัทธาต่อพระเจ้า และการเสียสละอันสูงส่งของนบีอิบรอฮีมและนบีอิสมาอีล
เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2567 สำนักจุฬาราชมนตรี ได้ออกประกาศ เรื่องกำหนดวันที่ 1 ของเดือนซุ้ลฮิจยะห์ และวันอีฎิ้ลอัดฮา ฮิจเราะห์ศักราช 1445 โดยระบุว่า
ตามที่ นายอรุณ บุญชม จุฬาราชมนตรีได้ประกาศให้พี่น้องชาวไทยมุสลิมทั่วประเทศดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่ 1 ของเดือนซุ้ลฮิจยะห์ ฮิจเราะห์ศักราช 1445 ในวันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2567 เวลาหลังดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้านั้น ปรากฏว่า มีผู้เห็นดวงจันทร์
ในการนี้ ข้าพเจ้านายแวดือราแม มะมิงจิ ผู้รับสนองบัญชาจุฬาราชมนตรี จึงประกาศว่า วันที่ 1 ของเดือนซุ้ลฮิจยะห์ ฮิจเราะห์ศักราช 1445 ตรงกับวันเสาร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ.2567 และวันอีฎิ้ลอัดฮา ฮิจเราะห์ศักราช 1445 ตรงกับวันจัทนร์ที่ 17 มิถุนายน
วันอีดิ้ลอัฎฮา เป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองการเชือดสัตว์เพื่อบริจาคทาน ซึ่งตามความหมายของคำว่า “อีด” แปลว่ารื่นเริงหรือเฉลิมฉลอง คำว่า “อัฎฮา” แปลว่า เชือดสัตว์พลีทาน และยังเป็นวันที่มีการเฉลิมฉลองในการประกอบพิธีฮัจญ์ด้วย โดยในวันอารอฟะห์หรือวันที่ 9 เดือนซุ้ลฮิจยะห์ตามปฏิทินของอิสลาม วันก่อนวันอีดิ้ลอัฎฮาเพียงหนึ่งวันเป็นวันที่ชาวมุสลิมที่ไปประกอบพิธีฮัจญ์จะต้องไปรวมตัวกันที่ทุ่งอัลราฟะห์เพื่อประกอบพิธีฮัจญ์เพื่อชำระบาปที่ได้กระทำความผิด ในวันนี้ถ้ามีผู้ถือศีลอด ไม่กิน ไม่ดื่ม งดจากการทำความชั่วทุกอย่างเหมือนกับเดือนรอมฎอน อัลเลาะห์จะอภัยโทษให้ในบาปกรรมที่เคยทำเอาไว้ทั้งหมดเมื่อปีที่ผ่านมาและของปีหน้า
ระหว่างการประกอบพิธีฮัจญ์ เหล่าบรรดามุสลิมจะจดจำและรำลึกถึงการทดสอบ และชัยชนะของศาสดาอิบรอฮีม ดังที่ได้มีการบรรยายถึงท่านไว้ในคัมภีร์อัล-กุรอานว่า
“แท้จริง อิบรอฮีมนั้นเป็นแบบอย่างอันดีเลิศ เป็นผู้ภักดีต่ออัลลอฮ์ เป็นผู้เที่ยงธรรม และเขามิได้อยู่ในหมู่ผู้ตั้งภาคี เป็นผู้กตัญญูกตเวทีต่อความโปรดปรานของพระองค์ พระองค์ทรงเลือกเขา และทรงชี้แนะทางแก่เขาสู่ทางที่เที่ยงตรง”
บททดสอบที่สำคัญอย่างหนึ่งของศาสดาอิบรอฮีมคือท่านต้องเผชิญกับพระบัญชาจากอัลลอฮ์ให้สังหารบุตรชายคนเดียวของท่าน เมื่อได้ยินพระบัญชานี้ ท่านเตรียมพร้อมที่จะยอมรับความประสงค์ของอัลลอฮ์ เมื่อท่านเตรียมพร้อมทุกอย่างที่จะทำตามคำสั่งแล้ว อัลลอฮ์จึงทรงเปิดเผยแก่ท่านว่า “การพลี” ของท่านได้บรรลุความประสงค์แล้ว
ท่านได้แสดงให้เห็นแล้วว่าความรักที่ท่านมีต่อพระผู้อภิบาลของท่านนั้นอยู่เหนือสิ่งอื่นใด จนท่านสามารถถวายชีวิตของตัวเองหรือชีวิตของผู้เป็นที่รักของท่านได้เพื่อเป็นการยอมจำนนต่อพระผู้เป็นเจ้า
การทำกุรบานคือ การนำสัตว์มาเชือด เพื่อแจกจ่ายเนื้อให้กับคนยากจน ซึ่งจะมีความแตกต่างจากการบูชายัญ สัตว์ที่จะนำมาทำกุรบานนี้ คือ อูฐ วัว ควาย แพะ แกะ โดยมีหลักการเลือกสัตว์จากการดูจากคุณสมบัติต่างกัน อูฐต้องมีอายุ 5 ปีบริบูรณ์ย่างเข้าปีที่ 6 วัว ควาย และแพะ ต้องมีอายุ 2 ปีบริบูรณ์ย่างเข้าปีที่ 3 ส่วนแกะต้องมีอายุครบ 1 ปีบริบูรณ์ย่างเข้าปีที่ 2 สัตว์เหล่านี้ต้องมีลักษณะสวยงาม ไม่ผอมโซ ไม่ขาเป๋ ตาบอด เป็นง่อย หรือว่าป่วย
การเชือดสัตว์ที่กล่าวมาต้องมีขั้นตอนการลงมือเชือด โดยต้องทำความสะอาดสัตว์ที่จะนำมาทำการกุรบาน มีดที่ใช้ต้องคม เพื่อให้สัตว์เสียชีวิตเร็วที่สุดและไม่ทรมาน แล้วสัตว์เหล่านี้จะนำผลบุญมาสู่คนที่ทำกุรบาน และถ้าชาวมุสลิมคนใดมีทุนในการซื้อสัตว์สำหรับการบริจาคแล้วอัลลอฮ์จะมอบผลบุญให้อย่างมากมาย สัตว์ที่ถูกเชือดเหล่านี้จะได้เป็นสัตว์ที่อยู่ในสรวงสวรรค์ตามหลักการของศาสนาอิสลาม
ในระหว่างการเฉลิมฉลองวันตรุษอีฎิ้ลอัฎฮา มุสลิมจะจดจำและรำลึกถึงบททดสอบของนบีอิบรอฮีม โดยที่พวกเขาจะเชือดสัตว์
พระองค์อัลลอฮ์ทรงมอบอำนาจให้เราเหนือบรรดาสัตว์ต่างๆ และทรงอนุญาตให้เรารับประทานเนื้อสัตว์ได้ เพียงแต่เราต้องเอ่ยพระนามของพระองค์ขณะเชือด มุสลิมเชือดสัตว์ด้วยวิธีเดียวกันนี้มาทุกยุคสมัย ด้วยการเอ่ยพระนามของอัลลอฮ์ในขณะเชือด จะเป็นการเตือนใจเราว่าชีวิตเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
เนื้อสัตว์จากการเชือดพลีในวันอีฎิ้ลอัฎฮา จะถูกแจกจ่ายไปให้แก่ผู้อื่น หนึ่งในสามจะรับประทานกันในครอบครัวและเครือญาติ, อีกหนึ่งในสามจะถูกมอบให้แก่ญาติสนิทมิตรสหาย และอีกหนึ่งในสามจะถูกบริจาคให้แก่คนยากจน
การกระทำเช่นนี้ เป็นการแสดงความหมายถึงเจตนารมณ์ของชาวมุสลิมที่จะมอบสิ่งที่เป็นประโยชน์หรือที่พึงพอใจ เพื่อทำตามพระบัญชาของอัลลอฮ์ มันยังเป็นการแสดงถึงเจตนารมณ์ของเราที่จะมอบความโปรดปรานบางส่วนที่มีแก่เราออกไป เพื่อกระชับความสัมพันธ์ฉันท์มิตรและเพื่อช่วยเหลือบรรดาผู้ที่ขัดสน เราสำนึกรู้ว่าความโปรดปรานทั้งหลายทั้งปวงล้วนมาจากอัลลอฮ์ และเราควรจะเปิดหัวใจของเราและแบ่งปันกับผู้อื่น
ในช่วงเช้าวันอีฎิ้ลอัฎฮา มุสลิมทั่วโลกจะมาร่วมกันทำละหมาดที่มัสญิดประจำชุมชน หลังจากละหมาดเสร็จจะไปเยี่ยมเยือนญาติพี่น้องและมิตรสหาย และจะแลกเปลี่ยนคำทักทายและของขวัญกัน ในเวลานั้น สมาชิกบางคนของครอบครัวและไปเตรียมการเพื่อเชือดสัตว์ และเนื้อสัตว์นั้นจะถูกแจกจ่ายในช่วงวันหยุดเพื่อฉลองวันอีดนี้
แม้ว่าวันอีฎิ้ลอัฎฮาจะเป็นงานวันรื่นเริงของชาวมุสลิมคำว่ารื่นเริงนั้น ไม่ได้หมายถึงการดื่มเหล้าหรือเล่นการพนัน เพื่อให้เกิดความสนุกสนาน แต่เป็นการพบปะพ่อแม่ญาติพี่น้อง เยี่ยมผู้หลักผู้ใหญ่ในชุมชน ผู้นำทางศาสนา ทำการส่งความสุขให้กันผ่านการกอดและขอโทษเพื่อให้ท่านยกโทษให้การพบปะญาติพี่น้องในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเฉพาะแค่ญาติพี่น้องที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น หากพ่อแม่ญาติพี่น้องเสียชีวิตไปแล้วก็สามารถไปเยี่ยมที่กุโบร์ หรือสุสานได้ด้วยเช่นกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง