svasdssvasds

รู้จัก ‘ร็อด โอเวนส์’ ลามะผิวดำที่เป็น ‘เควียร์’ เจ้าของฉายา “ราชินีชาวพุทธ”

รู้จัก ‘ร็อด โอเวนส์’ ลามะผิวดำที่เป็น ‘เควียร์’ เจ้าของฉายา “ราชินีชาวพุทธ”

ทำความรู้จัก ‘ร็อด โอเวนส์’ ลามะผิวดำที่เป็น ‘เควียร์’ เจ้าของฉายา “ราชินีชาวพุทธ” ผู้เผยแผ่ศาสนาแบบใหม่ ไม่ติดรูปแบบดั้งเดิม

SHORT CUT

  •  ‘ร็อด โอเวนส์’ เป็นลามะ ที่นับถือพุทธ "นิกายกาจู" ซึ่งถือว่าแปลกสำหรับคนผิวดำที่อาศัยอยู่ในภาคใต้ของสหรัฐฯ ที่ขึ้นชื่อว่าศาสนาคริสต์มีอิทธิพลมากที่สุด 
  • เขาเชื่อว่าพระเจ้าไม่ใช่คนแก่ๆ ที่นั่งอยู่บนเมฆ แต่เป็นพื้นที่ ความว่างเปล่า พลังงาน ประสบการณ์ และความรัก 
  • เขาเป็นผู้นำการทำสมาธิ สอนโยคะ รวมถึงไปปรากฏตัวในคอร์สการฝึกจิตวิญญาณในประเทศต่างๆ ทั่วโลก

ทำความรู้จัก ‘ร็อด โอเวนส์’ ลามะผิวดำที่เป็น ‘เควียร์’ เจ้าของฉายา “ราชินีชาวพุทธ” ผู้เผยแผ่ศาสนาแบบใหม่ ไม่ติดรูปแบบดั้งเดิม

เมื่อโลกเปลี่ยนไป วงการศาสนาก็เกิดเรื่องใหม่ๆ เข้ามา และปฏิเสธไม่ได้ว่า พุทธศาสนาในโลกยุคใหม่ไม่อาจตัดขาดออกความเปลี่ยนแปลงทางสังคมได้

เมื่อก่อนหากพูดถึงพระ หรือผู้ที่อุทิศตัวให้กับพระพุทธศาสนา ไม่ว่าจะนิกายไหน เรามักนึกถึงภาพคนใส่จีวร ไว้ผมน้อย ตัดขาดจากทางโลก แต่สมัยนี้มีเทรนด์การสอนศาสนารูปแบบใหม่มากมาย ที่ฉีกกรอบครูสอนศาสนาหรือพระนักบวชในแบบที่คุ้นเคย เพื่อให้คนรุ่นใหม่จับต้องศาสนาได้ง่ายขึ้น

ทีม SPRiNG ชวนไปรู้จักกับ “ลามะ ร็อด โอเวนส์ (Lama Rod Owens)” วัย 44 ปี เจ้าของสมญานาม “ราชินีชาวพุทธผิวดำตอนใต้ (Black Buddhist Southern Queen) ” ที่มีอิทธิพลต่อชาวพุทธในระดับนานาชาติ

"ลามะ ร็อด โอเวนส์" ผู้ศรัทธาในศาสนาพุทธ คือใคร ?

โดยตัวของ ‘ร็อด โอเวนส์’ เป็นทั้งลามะและครูสอนโยคะ ที่มีประสบการณ์มากกว่า 11 ปี ซึ่งได้รับความเคารพอย่างมากจากคนในชุมชนของเขา โดยเขานับถือพุทธแบบนิกายกาจู (Kagyu) ที่มาจากทิเบต ซึ่งถือว่าแปลกสำหรับคนผิวดำที่อาศัยอยู่ในภาคใต้ของสหรัฐอเมริกา ที่ขึ้นชื่อว่าศาสนาคริสต์มีอิทธิพลต่อคนผิวดำมากที่สุด

นอกจากเป็นคนผิวดำแล้ว สิ่งที่ทำให้ ลามะ ร็อด โดดเด่นคือ เขาไม่สวมจีวรสีแดงเลือดนกและสีทองแบบทิเบต แต่มักสวมแค่เสื้อคลุมธรรมดา ทับเสื้อยืดปกติ และสวมสร้อยคอลูกประคำ เป็นสัญลักษณ์ที่รู้จักมากที่สุดของพุทธศาสนาในแบบของเขา และเขายังประกาศตัวว่า เป็นเควียร์ อีกด้วย

รู้จัก ‘ร็อด โอเวนส์’ ลามะผิวดำที่เป็น ‘เควียร์’ เจ้าของฉายา “ราชินีชาวพุทธ” :PHOTO Facebook  Lama Rod Owens

โดยวิธีการสอนของ ลามะ ร็อด เป็นการใช้คำสอนในนิกายกาจู มาผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมป๊อปและประสบการณ์ชีวิตของเขาในฐานะชายผิวดำที่เป็นเควียร์ ปัจจุบันเขาเป็นกระบอกเสียงที่มีอิทธิพลในหมู่ครูสอนพุทธศาสนารุ่นใหม่ จากผลงานการบรรยาย และการเขียนหนังสือที่เน้น เรื่องการเปลี่ยนแปลงทางสังคม อัตลักษณ์ และสุขภาพจิตที่ดี

ลามะ ร็อด เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศว่า ในฐานะที่เป็นชาวพุทธ และผู้นำทางจิตวิญญาณ เขาไม่ขอสวมใส่จีวร เพราะไม่ใช่วิถีของเขา เพราะพุทธศาสนาคือการเป็นตัวของตัวเอง

เขายังกล่าวอีกว่า นักบุญเป็นต้องคนธรรมดาและเป็นมนุษย์ พวกเขาควรทำสิ่งต่างๆ ที่ใครๆ ก็เรียนรู้ได้ และเขาเชื่อว่าทุกคนสามารถเป็นนักบุญได้

ลามะผิวดำ : PHOTO lamarod.com

เหตุผลที่ทำให้นับถือศาสนาพุทธ 

สำหรับชีวิตวัยเด็กของ โอเวนส์ นั้น เติบโตมาในครอบครัวชาวคริสต์ที่เข้มงวด เขาเข้าศึกษาที่โรงเรียน Berry College ในรัฐจอร์เจีย ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐ ซึ่งเป็นโรงเรียนคริสเตียนที่ไม่สังกัดนิกาย แต่มันไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับศาสนาคริสต์ลึกซึ้งขึ้นแต่อย่างใด ตรงกันข้ามเขากลับหยุดไปโบสถ์ และรู้สึกผิดหวัง กับมุมมองทางศาสนาแบบอนุรักษนิยมเกี่ยวกับเรื่องเพศ

เขารู้สึกว่าวิธีการเข้าถึงพระเจ้าสมัยนั้นเข้มงวดเกินไป และถึงกับเต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาท เกี่ยวกับความเป็นเควียร์ของเขา นั่นจึงทำให้เขาขอตัดขาดจากพระเจ้า

หลังจากนั้น จุดมุ่งหมายใหม่ของโอเวนส์คือ การทำงานเพื่อมูลนิธิ โดยเขาเข้ารับการอบรมเพื่อเป็นผู้สนับสนุนกลุ่มผู้รอดชีวิตจากการถูกทำร้ายทางเพศ และเป็นอาสาในโครงการศึกษาเรื่องเอชไอวี เอดส์ การไร้บ้าน การตั้งครรภ์ในวัยรุ่น และการใช้สารเสพติดแทน

หลังเรียนจบมหาวิทยาลัย โอเวนส์ย้ายไปบอสตันและเข้าร่วม Haley House องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ดำเนินกิจการโรงทานและโครงการบ้านจัดสรรราคาไม่แพง ที่นั่นทำให้เขาได้พบกับ ผู้คนจากศาสนาต่างๆ ตั้งแต่ ฮินดู คริสเตียน มุสลิม พุทธ ไปจนถึงคนที่ไม่มีศาสนา ซึ่งเพื่อนชาวพุทธคนหนึ่งมอบหนังสือ “ถ้ำในหิมะ (Cave in the Snow)” เขียนโดย “แม่ชี เจตซุนมา เทนซิน พัลโม (Jetsunma Tenzin Palmo)” ที่เล่าถึงประสบการณ์จริงของผู้เขียนซึ่งใช้เวลาหลายปีคนเดียวในถ้ำบนเทือกเขาหิมาลัยเพื่อปฏิบัติตามเส้นทางที่เข้มงวดของโยคีผู้อุทิศตน และต่อสู้พื่อให้โอกาสผู้หญิงได้เข้าถึงพุทธศาสนาแบบทิเบต ที่มักสวงนไว้ให้นักบวชผู้ชายเท่านั้น

เมื่อศึกษาเรื่องเรื่องราวของพระพุทธศาสนา โอเวนส์ก็ตระหนักว่า คนผิวดำก็ทำอะไรแบบนี้ได้ และมันก็ไม่ได้ขัดแย้งกับคำสอนในศาสนาคริสต์แต่อย่างใด

หลังจากนั้น โอเวนส์ก็กลับมาหมกมุ่นกับศาสนาอีกครั้ง และในที่สุดก็หันกลับมาหาพระเจ้า แต่ไม่ใช่พระเจ้าองค์เดิม เพราะเขาเชื่อว่า พระเจ้าไม่ได้หมายถึงคนแก่ที่นั่งอยู่บนก้อนเมฆอีกแล้ว แต่พระเจ้าเป็นพื้นที่ ความว่างเปล่า พลังงาน และเป็นประสบการณ์ ซึ่งเชื้อเชิญให้มนุษย์เข้าไปสำรวจผ่านจิตวิญญาณภายใน เพราะพระเจ้าที่แท้จริงคือ “ความรัก” และศึกษาพระพุทธศาสนาต่อ จนได้รับการรับรองให้เป็น "ลามะ" จากโรงเรียนสอนศาสนานิกายกาจูในทิเบต พร้อมด้วยปริญญาโทสาขาเทววิทยาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด อีกด้วย

ลามะ ร็อด / PHOTO lamarod.com

ปัจจุบัน “ลามะ ร็อด” อาศัยอยู่ในแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ซึ่งตารางงานของเขาในแต่ละวัน ยุ่งมาก เพราะต้องสอนศาสนาในพอดแคสต์และรายการในโซเชียลมีเดียทุกวัน นอกจากนี้เขายังจัดเวิร์คช็อปพูดคุยกับนักศึกษา เป็นผู้นำการทำสมาธิ สอนโยคะ รวมถึงไปปรากฏตัวในคอร์สการฝึกจิตวิญญาณในประเทศต่างๆ ทั่วโลก และเขียนหนังสือเกี่ยวกับพัฒนาจิตใจออกมาขายอยู่เรื่อยๆ

นอกจากนี้ เขายังเป็นเจ้าของ Bhumisparsha ซึ่งเป็นชุมชนทางจิตวิญญาณที่มีภารกิจในการทำให้คำสอนของศาสนาพุทธเข้าถึงชุมชนต่างๆ ในภูมิภาคอเมริกาเหนือ ขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่เป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในเรื่องเพศกับศาสนาอีกด้วย

ที่มา : AP NEWS / Lama Rod Owens

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

 

 

 

related