svasdssvasds

ฟุตบอลเกิดขึ้นที่ “ประเทศจีน” แบบที่เขาเคลมจริงหรือเปล่า ?

ฟุตบอลเกิดขึ้นที่ “ประเทศจีน” แบบที่เขาเคลมจริงหรือเปล่า ?

ฟุตบอลเกิดขึ้นที่ “ประเทศจีน” แบบที่เขาเคลมจริงหรือเปล่า ? ไขปริศนาไปพร้อมๆ จะได้รู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร

SHORT CUT

  • มีการตั้งข้อสงสัยว่าฟุตบอลมีจุดกำเนิดที่จีนจริงหรือเปล่า
  • เพราะปรากฏว่าในหลายๆ ประเทศทั่วโลกต่างมีการเล่นฟุตบอลตั้งแต่อดีต
  • แต่มีข้อแตกต่างที่ต่างกันเรื่องของกติกาเพียงเท่านั้นเอง

ฟุตบอลเกิดขึ้นที่ “ประเทศจีน” แบบที่เขาเคลมจริงหรือเปล่า ? ไขปริศนาไปพร้อมๆ จะได้รู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร

อันที่จริงแล้วฟุตบอลเป็นกีฬาสากล เพราะพบหลักฐานในหลายๆ ประเทศ ทั้งในจีน อังกฤษ อิตาลี หรือในทวีปอเมริกา

แต่เหนือสิ่งอื่นใด จีนเองมักจะเคลมเจ้ากีฬาที่ว่านี้ เป็นกีฬาที่ชาติตนเองเป็นต้นตำรับ

แต่สำหรับคนทั่วไปอาจไม่เป็นเช่นนั้น เราต่างสงสัยว่าจริงหรือไม่ว่าจีนเองอาจไม่ใช่ต้นตำรับของกีฬาฟุตบอล SPRiNG พาไปไขปริศนาว่าความจริงคืออะไร ฟุตบอลเกิดขึ้นที่ประเทศจีน แบบที่เขาเคลมจริงหรือเปล่า ?

 

จีนต้นกำเนิดฟุตบอล ?

เชื่อกันว่าฟุตบอลเป็นกีฬาที่ถือกำเนิดในประเทศจีนเรียกว่า ซูจู้ (Cuju) แปลตรงตัวว่า เตะลูกบอล ซึ่งในวรรณกรรมจีนสามก๊กก็มีการเขียนถึงกีฬาซูจู้ว่าเป็นการเล่นเตะลูกบอลในหมู่ทหารลูกบอลที่ใช้ในการเล่นซูจู้ที่ประเทศจีน ทำจากหนังสัตว์ตัดให้เป็นทรงกลมแล้วยัดด้วยขนสัตว์

ในบันทึกของ ‘ซือหม่าเชียน’ ผู้บันทึกประวัติศาสตร์จีนตั้งแต่สมัยฮวางตี้จนถึงสมัยจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ (ราชวงศ์ฮั่นตะวันตก) ได้อธิบายไว้ว่า ซูจู้เป็นกิจกรรมบันเทิงรูปแบบหนึ่งในหมู่ประชาชนทั่วไป มีที่มาตั้งแต่ยุคจักรพรรดิเหลือง เมื่อ 5,000 ปีก่อน โดยเป็นการละเล่นเพื่อการผ่อนคลายของทหาร หรือมีทฤษฎีหนึ่งเชื่อว่าเกิดขึ้นเมื่อ 400 ปีก่อนคริสต์ศักราช ราว 2,500 ปีก่อนในยุคสงครามระหว่างรัฐครั้งใหญ่ แต่ซูจู้ได้รับความนิยมถึงขีดสุดในยุคราชวงศ์ฮั่น (206 ปีก่อนคริสตกาล – ค.ศ. 220)

ต่อมาในสมัยราชวงศ์ถัง ประมาณปี พ.ศ.1161-1450 ลูกบอลที่ใช้เล่นซูจู้ก็เป็นลูกบอลหนังสัตว์ที่อัดลมเข้าไป แต่ใช่ว่าจะใช่แต่มีในจีนประเทศเดียว 

ยุโรปก็มีฟุตบอล

เพราะเจ้ากีฬาฟุตบอลนี้เองเริ่มแข่งขันมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 โดยกองทัพโรมันเป็นผู้นำมาเผยแผ่บนเกาะอังกฤษ มีหลักฐานที่หลงเหลือมาจนถึงปัจจุบันว่ากีฬาฟุตบอลที่เล่นบนเกาะอังกฤษและอิตาลี อาจไม่ได้เน้นที่การใช้เท้า (ผู้เล่นอาจใช้มือจับลูกขึ้นมาถือก็ได้) การเล่นเน้นการต่อสู้ขับเคี่ยวปกป้องรักษาแดนของตน และเคลื่อนย้ายลูกให้เข้าไปในประตูฝ่ายตรงข้าม ซึ่งในสมัยโบราณหลักประตูอาจเป็นเพียงเขตปักปันระยะห่างกันนับร้อยหลา 

โลกใหม่อย่างทวีปอเมริกาก็มี

เพราะชาวแอสเท็กซ์ และมายา ที่ได้ริเริ่มเล่นกีฬานี้มาแล้วเกือบ 3,000 ปี และมีชื่อเรียกหลากหลาย ชาวแอสเท็กซ์เรียกว่า “อูลลามาลิซท์ลี” ส่วนชาวมายาเรียกว่า “ป๊อกตาป๊อกหรือพิทซ” นอกจากนั้นพวกเขายังคิดกฎการแข่งขันขึ้นเองด้วย  เช่น การเล่นลูกบอลโดยใช้ส่วนของร่างกายเข้ากระแทกหรือใช้ไม้ตี อารยธรรมโบราณเหล่านี้เป็นรอยต่อที่สมบูรณ์เชื่อมต่อเข้ากับวิวัฒนาการของการสร้างบอลยางต่างๆ ในช่วงพันปีก่อนที่จะมียางวัลคาไนส์เกิดขึ้น

โดยเจ้ากีฬานี้เป็นกีฬาการเมืองสะด้วย โดยมีหลักฐานระบุว่ากีฬาดังกล่าวถูกจัดให้อยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาและการสู้รบ สำหรับวัฒนธรรมเมโสอเมริกา กษัตริย์แอสแท็กซ์เล่นกีฬาลูกบอลเพื่อเป็นตัวแทนของสงคราม สิทธ์การปกครอง หรือแก้สถานการณ์ปัญหาการเจรจาต่อรองต่างๆ ทางการเมืองระหว่างอาณาจักร หรือคู่สงคราม

สรุปแล้วกีฬาฟุตบอลเป็นของใคร

สรุปแล้วกีฬาฟุตบอลอาจเป็นกีฬาที่มีความสากลก็ได้ เพราะพบหลักฐานว่ามีการเล่นเจ้ากีฬานี้ทั่วทุกมุมโลก แต่อาจจะมีกติกาและวัสดุที่แตกต่างกันออกไป

ดังนั้นจึงไม่สามารถเคลมได้ว่าเจ้ากีฬาฟุตบอลเป็นของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละประเทศไหนจะฝึกฝนอย่างไรให้ทีมแข็งแกร่งไปแข่งกับชาติอื่นๆ

เพราะฟุตบอลกลายเป็นรูปแบบกีฬาสากลไปและมีกติกาที่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าชาติหนึ่งชาติใดจะสนับสนุนมากน้อยแค่ไหน เพราะกีฬานี้ไม่ใช่เรื่องการแข่งขันเพื่อเอาความมัน และเอาชนะอย่างเดียว มันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของความชาตินิยมไปแล้ว เพราะกีฬาฟุตบอลได้กลายเป็นสัยลักษณ์การแข่งขันระดับทีม และระดับชาติที่อาจเรียกได้ว่าเป็นกีฬาชาตินิยมก็ว่าได้

อ้างอิง

NgThai / SilpaMag /MainStand / พิศณุ นิลกลัด /

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related