svasdssvasds

สุทิน ชงแก้ระเบียบกระทรวงกลาโหม ป้องกันนายพลทำรัฐประหาร

สุทิน ชงแก้ระเบียบกระทรวงกลาโหม ป้องกันนายพลทำรัฐประหาร

สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ประชุมกองทัพอากาศ จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหมใหม่ เรื่องเงื่อนไขการแต่งตั้งนายทหารยศนายพล หวังป้องกันยึดอำนาจ

20 เม.ย.2567 นาย จำนงค์ ไชยมงคล ผช.รมต.ประจำกลาโหม รับผิดชอบงานด้านกฎหมายและประชาสัมพันธ์ เปิดเผยว่า ในการประชุมสภากลาโหม วันที่ 19 เมษายน 2567 ซึ่งมี นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานสภากลาโหม ซึ่งมีการประชุมที่กองทัพอากาศ ได้เสนอให้สภากลาโหมเห็นชอบร่างแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติ จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม(ฉบับที่...) พ.ศ.... และร่างพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร(ฉบับที่...)พ.ศ....

ร่างกฎหมายใหม่ป้องกันยึดอำนาจ 

1.ร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบกระทรวงกลาโหม มีการแก้ไขมาตรา 25 และมาตราอื่นๆโดยมีการ กำหนด เงื่อนไขการแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล โดยให้กระทรวงกลาโหมกำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับแต่งตั้งนายพลในแต่ละระดับไว้ 3 ประการ คือ

  • (1) ต้องไม่เคยมีพฤติกรรมเป็นผู้มีอิทธิพลหรือมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด การค้ามนุษย์ การทำลายทรัพยากรธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าโดยตรงหรือทางอ้อม
  • (2) ต้องไม่เป็นคู่สัญญากับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงกลาโหม หรือประกอบธุรกิจหรือกิจการ
  • (3) ไม่อยู่ในระหว่างถูกสอบสวนทางวินัยหรือระหว่างถูกดำเนินคดีอาญา เว้นแต่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือความผิดลหุโทษ

นอกจากนี้ยังให้อำนาจนายกรัฐมนตรี โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี มีคำสั่งให้พักราชการทันที เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่า ข้าราชการทหารผู้ใด ที่ใช้กำลัง ทหาร เพื่อยึดหรือควบคุม อำนาจการบริหารราชการแผ่นดินจากรัฐบาลหรือเพื่อก่อการกบฏ 

และมีการแก้ไข เพิ่มเติมเรื่องสมาชิกสภากลาโหม ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีมีอำนาจแต่งตั้งซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 5 คน จากเดิมกำหนดไว้เพียง 3 คน และยังมีการแก้ไขอีกหลายมตรา

2. แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ พระธรรมนูญศาลทหาร โดยมีการ ยกเลิก ศาลจังหวัดทหาร และให้ผู้เสียหาย มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญาเองได้ทั้งในเวลาปกติและเวลาไม่ปกติ และ มีสิทธิอุทธรณ์ ได้โดยตรงต่อศาลทหารสูงสุด ในเวลาไม่ปกติ เว้นแต่อยู่ในสถานการณ์การรบหรือสงคราม ซึ่งเดิม ในภาวะที่ไม่ปกติไม่สามารถอุทธรณ์ได้

ซึ่งการแก้ไข กฎหมายดังกล่าวนี้ ก็เพื่อให้สอดคล้อง กับการบริหารราชการแผ่นดินในภาวะปัจจุบัน

“วิโรจน์” เห็นด้วย “สุทิน” เสนอแก้กฎหมายปรับสภากลาโหม

วันที่ 21 เมษายน 2567 วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และประธานคณะกรรมาธิการการทหาร กล่าวถึงกรณีการประชุมสภากลาโหมเมื่อวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานสภากลาโหม ได้มีข้อเสนอให้สภากลาโหมเห็นชอบร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม และร่าง พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร ว่าเห็นด้วยกับการแก้ไข พ.ร.บ. ทั้ง 2 ฉบับ เพียงแต่มีจุดที่ขอเสนอแนะเพิ่มเติมให้แก่ รมว.กลาโหม

กล่าวคือ การแก้ไข พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม จะต้องแก้ไขให้ตรงจุด โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการทำให้กองทัพยุติการเป็นรัฐซ้อนรัฐและต้องอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือน สภากลาโหมควรมีกรอบอำนาจหน้าที่ในการให้คำแนะนำแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเท่านั้น สิทธิในการทักท้วงควรจะมีเฉพาะในประเด็นสำคัญเท่านั้น ไม่ควรมีอำนาจครอบงำการตัดสินใจของรัฐมนตรี ดังนั้นจำนวนสมาชิกในสภากลาโหม นอกจากจะปรับลดลงแล้ว ยังควรเพิ่มสัดส่วนของพลเรือนในสภากลาโหมให้เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้การแต่งตั้งนายทหารระดับนายพล สมควรที่จะมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนและมีความโปร่งใส

สำหรับ พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร หัวใจสำคัญคือการให้บทบาทกับศาลยุติธรรมให้มากขึ้น ศาลทหารควรถูกใช้ในภาวะสงครามเท่านั้น และโครงสร้างของศาลทหาร จะต้องมีการตรวจสอบถ่วงดุลอย่างมีประสิทธิภาพ ระหว่างผู้พิพากษา อัยการ และทนายความ เพราะหากศาลทหารถูกตั้งข้อสงสัยจากนายทหารว่าไม่มีความเป็นธรรม หรือสามารถวิ่งเต้นใช้อำนาจระดับบังคับบัญชาแทรกแซงได้ ก็เสี่ยงอย่างยิ่งที่จะเกิดความรุนแรงและระบบศาลเตี้ยในแวดวงทหาร เหมือนกรณีที่เคยเกิดขึ้นที่จังหวัดนครราชสีมา

“การแก้ไขกฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้ จะต้องแก้ไขให้ถึงแก่น ถ้าแก้ไขแบบผิวๆ จะเป็นการเสียโอกาสอย่างมาก” วิโรจน์กล่าว

ด้าน ธนเดช เพ็งสุข สส.กรุงเทพฯ เขต 13 พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้เสนอร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ฉบับพรรคก้าวไกล กล่าวว่าขอชื่นชมและสนับสนุนการเดินหน้าแก้ไข พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ตนหวังอยากเห็นความกล้าหาญและความจริงใจของ รมว.กลาโหม ในการเดินหน้าปฏิรูปกองทัพ หรือจะเรียกว่าพัฒนาร่วมกันตามคำของนายกฯ ก็ตาม  

ทั้งนี้ในร่างของพรรคก้าวไกล เราเสนอแก้ไขมาตรา 25 เช่นกัน ให้การพิจารณาแต่งตั้งนายพลดำเนินการด้วยระบบคุณธรรม คัดเลือกผู้มีคุณสมบัติตามมาตรฐานของตำแหน่งต่างๆ โดยกำหนดให้คณะกรรมการที่ส่วนราชการตั้งขึ้นพิจารณาในขั้นตอนแรก แล้วส่งต่อให้ รมว.กลาโหมพิจารณาตามหลักเกณฑ์ของกระทรวง ตัดสิ่งที่เรียกว่า “ซูเปอร์บอร์ด” ในกฎหมายเดิม ซึ่งถูกตั้งขึ้นเพื่อลดบทบาทของ รมว.กลาโหม ให้เป็นเหมือนตรายางรับรองเท่านั้น

“ประเด็นนี้สำคัญตรงที่ว่าหากคุณสุทินไม่ตัดทิ้งซูเปอร์บอร์ดเพื่อดึงอำนาจกลับมาที่ รมว.กลาโหม อาจแปลได้ว่าสุดท้ายความมุ่งหวังที่อยากเห็นกองทัพอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือนผ่านความพยายามแก้ไขกฎหมาย ก็อาจเลือนราง” ธนเดชตั้งข้อสังเกต

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

related