ขอแต่งงานกลางคอนเสิร์ต หรือในที่สาธารณะ "โรแมนติก" หรือ "กดดันอีกฝ่าย"
ขอแต่งงานกลางคอนเสิร์ต หรือในที่สาธารณะ ไม่ได้โรแมนติกเสมอไป เพราะหลายกรณีมันคือการสร้างความกดดันให้อีกฝ่าย และไม่คำนึงถึงมารยาททางสังคม
SHORT CUT
ขอแต่งงานกลางคอนเสิร์ต หรือในที่สาธารณะ ไม่ได้โรแมนติกเสมอไป เพราะหลายกรณีมันคือการสร้างความกดดันให้อีกฝ่าย และไม่คำนึงถึงมารยาททางสังคม
จริงๆ แล้วความรักเป็นเรื่องของคนสองคน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีแค่ครอบครัวและเพื่อนฝูงของพวกเขาเป็นผู้รับรู้เท่านั้น
แต่ในยุคที่โซเชียลมีเดียเฟื่องฟูอย่างตอนนี้ ก็อาจทำให้มีคนที่ไม่เกี่ยวข้องมากมายเข้ามาเป็นสักขีพยานในความรักของเรามากขึ้นได้อย่างง่ายดายกว่าเมื่อก่อนมาก
สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ การขอแต่งงานในที่สาธารณะ ซึ่งเร็วๆ นี้ก็มีประเด็นดราม่าจากที่หนุ่มคนหนึ่ง ขอแฟนสาวแต่งงานกลางคอนเสิร์ต (The Eras Tour) ของนักร้องชื่อดัง “เทย์เลอร์ สวิฟต์” ซึ่งเวลานั้นกำลังร้องเพลง “เลิฟ สตอรี่” (Love Story) อยู่พอดี
แน่นอนว่ามีคนมากมายกลายเป็นสักขีพยานให้กับคู่รักดังกล่าวโดยที่ไม่ทันได้เตรียมตัว และภาพโมเมนต์สุดประทับใจนั้น ก็ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกอินเทอร์เน็ต ซึ่งทำให้เกิดกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ทั้งผู้ที่มองว่าไม่เหมาะสม และผู้ที่ชื่นชม
ซึ่งผู้ที่อยู่ฝั่งไม่เหมาะสมจำนวนมาก มองว่าเป็นมารยาทที่ไม่ดีระหว่าง รับชมคอนเสิร์ต และควรเคารพสิทธิของคนอื่น มากกว่าจะห่วงแต่ซีนประทับใจของตัวเอง ส่วนฝั่งที่ชื่นชมก็บอกว่าคนอื่นควรแสดงความยินดีมากกว่าตำหนิ เพราะการขอแต่งงานกลางคอนเสิร์ตไม่ใช่เรื่องแปลก และใครๆ ก็ทำกัน
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝั่งก็มีเหตุผลที่น่าสนใจในการถกเถียงกัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เข้มงวดเรื่องมารยาทระหว่างอยู่รวมกันมาก จึงไม่แปลกที่การขอแต่งงานในคอนเสิร์ตจะกลายเป็นประเด็นร้อนแรงได้ขนาดนี้
แต่ไม่ว่าการกระทำดังกล่าวจะเหมาะสมหรือไม่ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การขอแต่งงานกลางคอนเสิร์ต หรือกลางพื้นที่สาธารณะนั้นเป็นสิ่งที่นิยมทำกันไปทั่ว และไม่ว่าใครๆ ก็สามารถกลายเป็นสักขีพยานรักให้กับคนอื่นได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่อยู่ถูกที่ถูกเวลา
คำถามที่ตามมาคือ ทำไมคนสมัยนี้ถึงนิยมขอแต่งงานในที่สาธารณะ หรือต่อหน้าคนที่ไม่รู้จักเป็นร้อยๆ ได้ ทั้งๆ ที่เรื่องความรักควรเป็นเรื่องของคนสองคนมากกว่า บางทีคำตอบของคำถามนี้อาจไม่ใช่เรื่องของความโรแมนติก เพียงอย่างเดียว!
ทำไมคนถึงชอบขอแต่งงานในที่สาธารณะ?
มีงานวิจัยเกี่ยวกับประเด็นนี้น้อยมาก แต่ที่พอจะเอามาอ้างอิงได้คือ งานวิจัยในปี 2022 ของ “ลิซ่า ฮอปล็อก (Lisa Hoplock)” นักจิตวิทยาจาก “มหาวิทยาลัยแมนิโทบา (University of Manitoba)” ที่เผยว่า เหตุผลที่ผู้ชายนิยมเซอร์ไพรส์ขอแฟนแต่งงานในที่สาธารณะนั้น เป็นเพราะพวกเขาต้องการให้อีกฝ่ายตอบตกลงให้ได้ ซึ่งแนวโน้มนั้นจะมีความเป็นไปได้มากขึ้นเมื่อมีผู้คนจำนวนมากเฝ้ามองอยู่
กล่าวอีกอย่างคือผู้ชมในที่สาธารณะเหล่านั้น จะกดดันฝ่ายหญิงโดยอัตโนมัติ ซึ่งดูได้จากบรรดาคลิปวิดีโอมากมายที่แชร์กันในโลกอินเทอร์เน็ต ซึ่งส่วนใหญ่ภาพที่ออกมาคือ ฝ่ายชายก้มลงคุกเข่า ยื่นแหวนแต่งงานกลางที่สาธารณะโดยที่ฝ่ายหญิงไม่ทันตั้งตัว และคนรอบข้างก็จะมามุงกันพร้อมส่งเสียงเชียร์ให้ฝ่ายหญิงตอบ “ตกลงสิ” หรือ “รับสิ” จนกว่าฝ่ายหญิงจะยอม และทุกคนก็ตบมือให้คู่รักคู่นั้นกันอย่างชื่นมื่น จนดูเหมือนสคริปต์ที่ไม่ว่าใครเอาไปทำตามก็จะได้ผลลัพธ์เดียวกัน
ในทางกลับกัน การสำรวจของลิซ่ายังเผยอีกว่า หากฝ่ายหญิงปฏิเสธความปรารถนาของฝ่ายชาย ก็มีแนวโน้มสูงที่ผู้คนบริเวณนั้นจะแสดงความไม่พอใจ แย่ไปกว่านั้นฝ่ายหญิงอาจโดนฝ่ายชายโกรธและแสดงความรุนแรงใส่ตรงๆ เลยก็ได้นอกจากนี้ จากการดูวิดีโอในยูทูปกว่า 300 รายการ และอ่านกระทู้ใน Reddit และอื่นๆ อีกกว่า 400 รายการ ก็ทำให้ ลิซ่าพบว่า การขอแต่งงานในที่สาธารณะ มีโอกาสที่จะถูกปฏิเสธ มากกว่าการขอแต่งงานในพื้นที่ส่วนตัวมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้ลิซ่า ยังแสดงความคิดเห็นอีกว่า คนที่ชอบทำอะไรแบบนี้ในที่สาธารณะ ส่วนใหญ่จะมีแนวโน้ม ชอบเรียกร้องความสนใจ หรือไม่ก็หลงตัวเอง
ขอแต่งงานในที่สาธารณะ เหมาะสมหรือไม่ ?
อย่างไรก็ตาม หากจะบอกว่าการขอแต่งงานในพื้นที่สาธารณะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ก็คงไม่ใช่การสรุปที่ดีนัก เพราะไม่ว่าอย่างไรการขอใครสักคนแต่งงาน ก็ยังคงเป็นเรื่องที่สวยงาม เพียงแต่อาจต้องดูความเหมาะสม และวัฒนธรรมของสถานที่ที่เลือก ซึ่งเราไม่มีทางกำหนดได้ว่าคนที่มาเป็นสักขีพยานในที่สาธารณะนั้นจะชื่นชมเรา หรือสาปแช่งเรามากกว่ากัน
แต่สิ่งสำคัญที่สุด ต้องมั่นใจว่าคู่ของเราอยากให้คนแปลกหน้ามาเห็นช่วงเวลานี้หรือไม่ ซึ่งถ้าคู่ของเราไม่ได้มีความต้องการแบบนั้น หรือไม่ได้เป็นคนที่ชอบทำอะไรโจ่งแจ้ง ก็อย่าขอแต่งงานกลางพื้นที่สาธารณะที่มีคนอยู่เยอะดีกว่า แต่ควรทำในพื้นที่ส่วนตัว ร้านอาหาร หรือที่ไหนก็ตามที่ทำให้คู่ของคุณได้คิดอย่างรอบคอบจริงๆ
เพราะการแต่งงาน ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ และก็ไม่ควรใช้การสร้างโมเมนต์ หรือใช้บรรยากาศมาเพื่อกดดันคู่ของเรามากเกินไป ดังนั้นควรคำนึงถึงมารยาททางสังคม และความรู้สึกของอีกฝ่ายให้ดีๆ เอาไว้ก่อน จึงดีที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
