svasdssvasds

6 ก.พ. "วันมวยไทย" ย้อนประวัติที่มา รัฐร่วมผลักดันเป็น Soft Power สู่เวทีโลก

6 ก.พ. "วันมวยไทย" ย้อนประวัติที่มา รัฐร่วมผลักดันเป็น Soft Power สู่เวทีโลก

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็น "วันมวยไทย" ศิลปะการต่อสู้ของชาติไทยที่ทั่วโลกยอมรับ เปิดประวัติความเป็นมา กับการที่ภาครัฐผลักดันให้เป็น Soft Power สู่เวทีโลก

มวยไทย ถือเป็น ศิลปะการต่อสู้รูปแบบหนึ่ง ถือได้ว่าเป็นกีฬาประจำชาติและมีต้นกำเนิดมาจากประเทศไทยที่มีชื่อเสียงและโด่งดังไปทั่วโลก ค่ายมวยต่างๆ ทั่วประเทศ เปิดสอนให้กับชาวต่างชาติที่มุ่งมั่นเข้ามาฝึกฝนวิชาการต่อสู้นี้กับต้นฉบับที่ประเทศไทยโดยเฉพาะ กิน อยู่ ฝึกซ้อมกันในค่ายมวยนานนับเดือน

มวยไทย เป็นที่รู้จักและจับตามอง นอกจากเป็นกีฬาการต่อสู้ที่สร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย ได้ใช้ทุกส่วนของร่างกายเป็นอาวุธ ทั้ง หมัด เท้า เข่า ศอก แล้ว ยังมีส่วนช่วยในด้านการฝึกฝนจิตใจอีกด้วย โดยปัจจุบันมวยไทยได้ปรับรูปแบบให้ทันสมัย เป็นการออกกำลังนึงที่มีเปิดให้เรียนและเทรนนิ่งกันในหลายๆ ฟิตเนส ที่ช่วยเสริมสร้างความฟิตและลดน้ำหนักได้อย่างเห็นผล

"นายขนมต้ม" นักมวยคาดเชือกสมัยกรุงศรีอยุธยา

ย้อนประวัติ-ที่มา "วันมวยไทย" 

ชายคนหนึ่ง ที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของ "มวยไทย" ชื่อของเขาคือ "นายขนมต้ม" นักมวยคาดเชือกสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยเรื่องราวของนายขนมต้ม ปรากฏครั้งแรกใน พระราชพงศาวดาร ฉบับสมเด็จพระพนรัตน์ วัดพระเชตุพน ฉบับตัวเขียน โดยกล่าวว่า

"ฝ่ายพระเจ้าอังวะยังอยู่ ณะ เมืองย่างกุ้ง ทำการยกฉัตรยอดพระมหาเจดีย์เกษธาตุสำเร็จแล้วให้มีการฉลอง ซึ่งขุนนางพม่ากราบทูลว่า คนมวยเมืองไทมีฝีมือดียิ่งนัก จึงตรัสสั่งให้จัดหามาได้นายขนมต้มคนหนึ่ง เป็นมวยดีมีฝีมือแต่ครั้งกรุงเก่า เอาตัวมาถวายพระเจ้าอังวะ พระเจ้าอังวะจึงให้จัดพม่าคนมวยเข้ามาเปรียบกับนายขนมต้มได้กันแล้ว ก็ให้ชกกันหน้าพระที่นั่ง แลนายขนมต้มชกพม่าไม่ทันถึงยกก็แพ้ แล้วจัดคนอื่นเข้ามาเปรียบชกอีก 
 

นายขนมต้มชกพม่าชกมอญแพ้ถึงเก้าคนสิบคนสู้ไม่ได้ พระเจ้าอังวะทอดพระเนตรยกพระหัตถ์ตบพระอุระตรัสสรรเสริญฝีมือนายขนมต้มว่า ไทมีพิศม์อยู่ทั่วตัว แต่มือเปล่าไม่มีอาวุธเลยยังสู้ได้ คนเดียวชณะถึ่งเก้าคนสิบคนฉนี้ เพราะจ้าวนายไม่ดีจึ่งเสียบ้านเมืองแก่ข้าศึก ถ้าจ้าวนายดีแล้วไหนเลยจะเสียกรุงศรีอยุธยา แล้วพระราชทานรางวัลแก่นายขนมต้มโดยสมควร"

ความกล้าหาญของนายขนมต้ม ดังที่ปรากฏในพงศาวดาร ทำให้ในวงการมวยไทยได้ยกให้เหตุการณ์ที่เขาชกกับนักมวยพม่าในวันที่ 17 มี.ค. เป็น "วันมวยไทย" เพื่อเชิดชูเกียรติของนายขนมต้ม นักมวยไทยผู้พิชิตนักมวยชาวพม่าในวันนั้น

ช่วงหลาย 10 ปีที่ผ่านมา "มวยไทย" ซึ่งเป็นศิลปะการต่อสู้ที่ครบเครื่อง ได้มีการถ่ายทอดและเผยแพร่อย่างกว้างขวาง ไม่ใช่แค่เฉพาะในเมืองไทย แต่ยังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศโซนยุโรปและทั่วโลก จึงเป็นกีฬาที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยอย่างไม่ต้องสงสัย 

กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม จึงได้ประกาศขึ้นทะเบียนมวยไทยเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2553 ซึ่งจะเป็นมาตรการสำคัญในการส่งเสริมให้เกิดความตระหนักในคุณค่าการยกย่ององค์ความรู้และภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ มีมติเป็นเอกฉันท์ในการร่วมกันผลักดันให้มีการสถาปนา "วันมวยไทย" ขึ้น โดยได้พิจารณาจากข้อเสนอต่างๆ อย่างรอบคอบ

ท้ายที่สุดได้เห็นชอบให้วันขึ้นเสวยราชสมบัติของสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (สมเด็จพระเจ้าเสือ) คือ วันที่ 6 ก.พ. เป็นวันมวยไทย (วันเสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติตรงกับวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2245) เนื่องจากมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ปรากฏชัดเจน

พระปรีชาสามารถด้านมวยไทยของสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8

  1. สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 เป็นพระมหากษัตริย์เพียงพระองค์เดียวที่เสด็จออกไปชกมวยกับสามัญชน
  2. สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 เป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงมีความสามารถเกี่ยวกับมวยไทยมาก ทรงคิดท่าแม่ไม้ ไม้กลมวยไทยขึ้นมาเป็นแบบฉบับเฉพาะพระองค์ เรียกว่า "มวยไทยตำรับพระเจ้าเสือ" และได้รับการถ่ายทอดเป็นตำรามวยไทยให้แก่คนรุ่นหลังจนถึงทุกวันนี้
  3. สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 เป็นพระมหากษัตริย์ที่ใช้ศิลปะมวยไทยในการปกป้องราชอาณาจักรให้รอดพ้นจากการเป็นเมืองขึ้นของชาวต่างชาติ

ทั้งนี้คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2554 กำหนดให้วันที่ 6 ก.พ. ของทุกปี เป็น "วันมวยไทย" อย่างเป็นทางการ ส่วนวันที่ 17 มี.ค. ซึ่งเคยถือว่าเป็น วันมวยไทย แต่เดิมนั้น ได้มีการปรับเปลี่ยนเป็น "วันนายขนมต้ม" หรือ "วันนักมวยไทย" แทนในเวลาต่อมา

รัฐบาลร่วมผลักดัน "มวยไทย" เป็นซอฟต์พาวเวอร์สู่เวทีโลก

ย้อนเหตุการณ์กลับไปเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2566 นายพิมล ศรีวิกรม์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านกีฬา ในฐานะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ด้านกีฬา นำคณะผู้บริหารวันแชมเปียนชิพ และ ร.ท.สมบัติ บัญชาเมฆ หรือ "บัวขาว บัญชาเมฆ" นักมวยไทย เข้าพบ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

ซึ่งนายกฯ เศรษฐา ระบุว่า มวยไทย เป็นซอฟต์พาวเวอร์อันดับต้นๆ ของประเทศไทย ที่มีคุณค่า และต่างประเทศให้การยอมรับ ทั้งการจัดตั้งค่ายมวยไทยในต่างประเทศ จึงถือเป็นซอฟต์พาวเวอร์ อันดับ 1 สร้างมูลค่าให้ประเทศได้มหาศาล รวมทั้ง ยังมีการถ่ายทอดสดการแข่งขัน การจำหน่ายอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย 

อีกทั้ง ประเทศไทย ยังมีนักมวยระดับโลก อย่าง บัวขาว บัญชาเมฆ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจคนรุ่นใหม่ ที่อยากเข้าสู่วงการมวยไทยด้วย ดังนั้น มวยไทย จึงเป็นซอฟต์พาวเวอร์ ที่มีศักยภาพ และสามารถไปต่อได้

บัวขาว บัญชาเมฆ นักมวยไทยชื่อดังระดับโลก

รัฐบาลมีแผนการผลักดันมวยไทยในการเป็นซอฟต์พาวเวอร์ โดยจะต้องเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว ทั้งเกาะสมุย และ จ.ภูเก็ต ที่มีนักท่องเที่ยว มาเข้าค่ายอบรมมวยไทย และสนามมวยราชดำเนิน และลุมพินี ยังเป็นสนามมวยที่ยิ่งใหญ่ ที่ผู้ที่สนใจอยากเรียนมวยไทย ก็จะมาตามสถานที่เหล่านี้ รวมถึงการสนับสนุนนำมวยไทยไปบรรจุไว้ในหลาย ๆ กิจกรรมทั่วโลก ทั้งในหลักสูตรพลศึกษา หรือค่ายอบรมมวยในต่างประเทศ ก็จะสามารถช่วยขยายอาชีพให้กับนักมวยได้

ตั้งเป้าดัน "มวยไทย" ไป "กีฬาโอลิมปิก" ให้เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก

หลัง นายกฯ เศรษฐา เปิดเผยว่าเตรียมจะคิกออฟ "มวยไทย" ให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ อันดับ 1 ของประเทศ วันที่ 20 ม.ค. 2567 ได้เดินทางไปเยี่ยมชมกิจกรรมการแสดงมวยไทยและการไหว้ครูของเยาวชนมวยไทยและนักมวยต่างประเทศ ณ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่  

คิกออฟ "มวยไทย" ให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ อันดับ 1 ของประเทศ

นอกจาก นายกฯ แล้ว ยังมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ,นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง , น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ,นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร , พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ,ร.ท.สมบัติ บัญชาเมฆ หรือ "บัวขาว บัญชาเมฆ" ยอดนักมวยชื่อดังระดับโลก เยี่ยมชมกิจกรรมดังกล่าว ซึ่ง "บัวขาว" ก็ได้ร่วมทำการแสดงด้วย

น.ส.แพทองธาร เผยว่า ตอนนี้รัฐบาลตั้งเป้าให้ "มวยไทย" ไปสู่โลกให้ได้ เธอเชื่อว่าทุกคนอยากเห็นชาติตัวเองไปอยู่บนเวทีโลก ซึ่งเป็นความฝันของคนไทย และแน่นอนว่าการบอกว่า มวยไทยจะไปโอลิมปิกก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่าย แต่รัฐบาลก็เชื่อว่าไม่ใช่เรื่องยากเช่นกัน เราจะให้มวยไทยมีรากฐานมีเป็นที่ยอมรับที่ชัดเจนขึ้น และจะสร้างมาตรฐานที่มีหลักสูตรมวยไทยที่ชัดเจนเป็นระบบแล้วก็มีการให้ความรู้แก่ชาวต่างชาติ ให้ชาวต่างชาติเข้ามาในไทยมากขึ้น

นอกจากนั้น เราจะยกระดับอาชีพครูมวย ให้มีใบประกอบวิชาชีพพร้อมพัฒนาองค์ความรู้ทั้งระบบ รวมถึงเรื่องของการสอนมวย รวมทั้งการจัดแข่งขันมวยให้มากยิ่งขึ้นให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ถือเป็นการสื่อสารอย่างหนึ่งจากด้านกีฬาของประเทศไทยให้ไปสู่สายตาโลก 

รัฐบาลได้มองเห็นว่า การกีฬาของไทยที่โดดเด่นและอยากให้เป็นศูนย์กลางหนึ่งของการกีฬาที่จะได้เผยแพร่วัฒนธรรมไทยของเรา อย่างการไหว้ การออกอาวุธ รวมถึงเสื้อผ้าให้สามารถส่งออกวัฒนธรรมของเราได้

นายกฯ เล็งให้วีซ่าพิเศษ 90 วัน ต่างชาติมาเรียนมวยไทย

นอกจากนี้ นายกฯ เศรษฐา ได้เปิดเผยว่า มวยไทยคือ Soft Power หนึ่งที่รัฐบาลให้การสนับสนุน เรากำลังพิจารณาให้วีซ่าพิเศษ 90 วันสำหรับคนที่เข้ามาเรียนหลักสูตรมวยซึ่งต้องใช้เวลาฝึกฝน ดังนั้นวีซ่าต้องเอื้ออำนวยให้ทำกิจกรรมได้นานพอจนเรียนจบ

ขณะเดียวกันเตรียมจัดตั้งจะตั้งสถาบันมวยไทยแห่งชาติเพื่อเป็นศูนย์กลางของการสร้างมาตรฐาน มีหลักสูตรมวยไทยที่ชัดเจนเป็นระบบ และมีความรู้ที่ให้ชาวต่างชาติเข้ามาดูมวยไทย พร้อมต่อยอดค่ายมวยไทยในต่างประเทศให้มากขึ้น โดยปัจจุบันมีกว่า 40,000 ค่ายมวยให้มีระบบจัดสรรให้ดียิ่งขึ้น

ที่มา : กรมส่งเสริมวัฒนธรรม , 6 กุมภาพันธ์ วันมวยไทย เทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าเสือ “พระบิดาแห่งมวยไทย”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related