“พรรคร่วมฝ่ายค้าน” มีมติ ไม่รับหลักการ งบ 67 ด้าน “ชัยธวัช” ผู้นำฝ่ายค้าน ซัด “นายก-รัฐบาล” สอดไส้งบไม่ตรงปก และเลือกตอบแต่คำถามชงหวาน
วันนี้ (5 ม.ค. 2567) นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านกล่าวถึง การประชุมเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 วันสุดท้ายว่าน่าจะมีการลงมติไม่เกิน 20.00 น.
ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ประชุมหารือกัน ถึงความเห็น ว่าร่างพรบ.งบประมาณฉบับนี้ ไม่ได้สะท้อนว่ารัฐบาลกำลังแก้ปัญหาที่ประเทศเผชิญ ทั้งวิกฤตเศรษฐกิจที่รัฐบาลพร่ำพูด หรือวิกฤตที่ทุกคนยอมรับ ว่าประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ เช่น วิกฤตสิ่งแวดล้อมปัญหา PM 2.5 หรือปัญหามลพิษรั่วไหล วิกฤตด้านการศึกษา วิกฤตเด็กเกิดน้อย สังคมผู้สูงวัย รัฐบาลกลับทำงบประมาณที่ไม่ได้แตกต่างไปจากการทำงบประมาณของรัฐบาลที่ผ่านมาอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากจัดตั้งงบไม่ได้สัดส่วนกับความรุนแรงของปัญหาแล้ว ยังพบการสอดไส้งบไม่ตรงปก ไม่ตรงแผน
ทั้งนี้ งบที่ควรจะบรรจุไว้กลับไม่มี งบที่ไม่ควรจะมีกลับมี การจัดสรรงบครั้งนี้ ยังมีปัญหาที่จัดไม่เพียงพอในรายการที่จำเป็น ขณะเดียว กันกลับประมาณการรายได้เกินจริง มุ่งแต่จะใช้กลไกนอกงบประมาณ โดยไม่คำนึงถึงภาระการคลังในอนาคต
นอกจากนี้ ตลอด 3 วันที่ผ่านมา ในการพิจารณางบประมาณ ผู้แทนราษฎรของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้อภิปราย วิพากษ์วิจารณ์ ตั้งคำถามและให้ข้อเสนอแนะ กับรัฐบาลมากมาย แต่สิ่งที่คณะรัฐมนตรีชี้แจงหลายครั้งกลับเป็นคำตอบไม่ตรงคำถาม บางคำถามก็ไม่มีคำตอบจากรัฐมนตรี บางคำชี้แจงแสดงให้เห็นถึงการขาดวุฒิภาวะ หรือให้ข้อมูลที่บิดเบือน สุดท้ายก็เลือกตอบแต่คำถามที่ชงกันเอง กินกันเองในพรรคเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นรัฐมนตรีบางกระทรวงไม่แม้แต่จะให้เกียรติเงินภาษีประชาชน ด้วยการลุกขึ้นตอบ ด้วยเหตุดังกล่าวพรรคร่วมฝ่ายค้านจึงมีมติว่าจะลงมติไม่เห็นชอบ ร่างพรบ.ฉบับนี้
ส่วนทางด้านนายประมวล พงศ์ถาวราเดช ประธานสส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า งบประมาณปี2567 ในครั้งนี้ไม่สามารถแก้ปัญหาวิกฤตของประเทศชาติได้ เหตุหลักๆหลายเรื่อง ทั้งเรื่องเอลนีโญ ไม่มีการใส่ใจดูแล งบประมาณทำฝนหลวง 300 กว่าล้านบาทซึ่งมีจำนวนน้อยมากจะแก้ปัญหาวิกฤตยังไง นักบริหารต้องมองไกล แต่ไม่มีใครในรัฐบสลพูดถึงงบฝนหลวงของกระทรวงเกษตร
ในส่วนการแข่งขันถ้าอยู่ในลักษณะอย่างนี้ ทั้งภาคเกษตรกร และภาคอุตสาหกรรม ก็ไม่สามารถดูแลพี่น้องประชาชน เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต ราคาเกษตรสินค้าก็ตกต่ำ ภาคอุตสาหกรรมก็ตกต่ำ แรงงานต่างด้าวก็เข้ามาเยอะทุกหย่อมหญ้า ตนจึงคิดว่าควรจะต้องบูรณาการ ไม่ว่าจะยาเสพติดที่มีงบอยู่ทุกกระทรวง ทุกกรม แต่ก็แก้ปัญหาไม่ได้
เพราะฉะนั้นรัฐบาลควรจะต้องบูรณาการแก้ไขปัญหาทั้งผู้เสพ และผู้ขาย ให้ชัดเจน ตนเชื่อว่าทุกคนรู้ว่าวิกฤตของประเทศคืออะไร ต้องแก้อย่างไร
“เราในฐานะที่เป็นฝ่ายค้าน สิ่งไหนที่เป็นประโยชน์กับประชาชน เราสนุบสนุน แต่สิ่งไหนที่ทำแล้วประชาชนไม่มีความสุข สถานการณ์บ้านเมืองไม่ดีชึ้น พวกเราก็ไม่สนับสนุน”
โดยก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการประชุมพรรค และมีมติร่วมกันแล้วว่าไม่สามารถรับหลักการได้ พร้อมฝากไปถึง 72คณะกรรมาธิการวิสามัญที่กำลังจะตั้งว่าให้ดูแลงบประมาณส่วนนี้ด้วย
ขณะเดียวกัน นาย กัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวยืนยันตามมติของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านคือเสียงสะท้อนของประชาชนในการเลือกตั้งที่ผ่านมา เราอยากเห็นความเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ต้องเปลี่ยนแปลงจากการบริหารจัดการ จากเมื่อ9ปีก่อน ด้วยการไม่ยอมรับร่างงบประมาณฉบับนี้ แต่เรายังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงจากการตั้งใจจริงของรัฐบาลชุดนี้
จากนั้นได้มีการเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสอบถาม โดยผู้สื่อข่าวถามว่า หากมี สส. โหวตสวนมติ จะมีมาตรการชงโทษอย่างไร นายชัยธวัชตอบทันทีว่าคงไม่มี อย่าเพิ่งกังวลเพราะแต่ละพรรคมีการพูดคุยแล้ว มั่นใจไม่มีเสียงแตก
เมื่อถามว่ามั่นใจจะไม่มีเสียงแตกจริงหรือไม่ เพราะคนก็จับตาพรรคประชาธิปัตย์ นายประมวลกล่าวย้ำว่าเมื่อวันที่ 2 มกราคม พรรคประชาธิปัตย์ได้มีการประชุมร่วมกันแล้วว่าจะไม่รับหลักการ และเมื่อวานนี้(4 ม.ค.)ก็ได้มีการประชุมอีกรอบหนึ่ง ตนคิดว่าน่าจะไปในทิศทางเดียวกัน
ขณะที่นายชัยธวัชกล่าวเสริมว่าอย่างเพิ่งกังวลล่วงหน้า เพราะต้องบอกว่าในพรรคร่วมฝ่ายค้าน พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคแรก ที่มีมติไม่รับหลักการ จึงเชื่อว่าเป็นเอกภาพอย่างแน่นอน โดยนายประมวลกล่าวชี้แจงอีกรอบว่าพรรคประชาธิปัตย์มี สส.ป่วย 1 คน อยู่โรงพยาบาล หากไม่ครบจะหาว่าไปไหนอีก พูดจบก็มีเสียงหัวเราะจากแกนนำพรรคฝ่ายค้าน ทำให้นายชัยธวัช แซวว่า “ป่วยอยู่โรงพยาบาลชั้นไหนครับ”
นายชัยธวัชยังกล่าวทิ้งท้ายว่าในช่วงกลางเดือนมกราคม จะมีการนัดประชุมแกนนำพรรคฝ่ายค้าน เพื่อวางแผนการทำงานร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพและทำงานตามความคาดหวังประชาชน
ส่วนได้ประเมินภาพรวมการอภิปรายของฝ่ายค้านในครั้งนี้อย่างไร เพราะประชาชนดูเหมือนว่ายังทำงานไม่เต็มที่ นายชัยธวัช กล่าวว่า มีความเห็นที่หลากหลาย ซึ่งหลายส่วนก็ชื่นชมว่าเป็นการอภิปรายที่มีฐานข้อมูลสร้างสรรค์ มีข้อวิพากษ์วิจารณ์และมีข้อเสนอแนะ แต่หลายคนก็รู้สึกว่าไม่ได้ดุเดือด แต่อยากจะบอกกับประชาชนว่า เป็นการประชุมร่าง พ.ร.บ.ประมาณ ไว้ค่อยดูการอภิปรายที่ดุเดือดในอนาคต เพราะการอภิปรายงบ ควรจะให้ข้อมูลแก่ฝ่ายบริหาร และประชาชน ไม่ได้ดุเดือดเผ็ดร้อน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง