พามาส่องแผนงานของ “กระทรวงคมนาคม” ของรัฐบาลใหม่ และคุยกับ “มนพร เจริญศรี” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ประกาศ 6 เดือนเปลี่ยนแน่ ! รถเมล์รถไทย ให้คนกรุงได้เห็นเปลี่ยนแปลงของขสมก. และความสะดวก สบาย ที่จะได้รับ
โครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมของประเทศที่ดี จะส่งผลทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจได้ดีขึ้น และจะสามารถตอบสนองการเดินทาง การขนส่งให้พี่น้องประชาชนได้ดีขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ ซึ่งบทบาทใหญ่ในการพัฒนาด้านขนส่ง คมนาคม แม่งานใหญ่คือ กระทรวงคมนาคม ที่ยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคม อย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจ และบริการพี่น้องประชาชนได้สะดวกสบายมากขึ้น
ล่าสุดมีการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ แน่นอนว่าทีมผู้บริหารของกระทรวงคมนาคม ก็มีการเปลี่ยนไป และแผนการดำเนินงานต่างๆ ของเดิมบางโครงการก็ต้องสานต่อไป หลายโครงการต้องรื้อใหม่เพื่อให้งานเดินต่อไปได้อย่างรวดเร็วขึ้น วันนี้จะพามาคุยกับ “นางมนพร เจริญศรี” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งนับได้ว่าเป็นรมช.คมนาคม “ป้ายแดง” ของคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน และเป็นสุภาพสตรีหนึ่งใน 5 คนของครม.ชุดนี้
หลังจากเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ก็ได้เดินหน้าทำงานอย่างเร่งด่วนหลายเรื่อง ดังนี้ เร่งแผนฟื้นฟูองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือขสมก. ที่ยังขาดทุนประมาณ 4,700 ล้านบาทต่อปี หรือยอดหนี้สะสมอยู่ที่ 140,777 ล้านบาท นอกจากนี้ยังจะเร่งเดินหน้าโครงการจัดหารถโดยสารพลังงานสะอาด (รถEV) ทั้งหมด 2,013 คัน
ทั้งนี้การจัดหารถจะใช้วิธีการเช่า ภายในระยะเวลา ประมาณ 3 - 5 ปี มีค่าเช่าประมาณ 16.49 บาทต่อกม. ต่อคัน (เฉลี่ยวิ่งวันละ 200 - 240กม.) ส่วนรถโดยสารมาพร้อมระบบจัดเก็บค่าโดยสาร I -Ticket และรองรับระบบเทคโนโลยีต่างๆ เช่น GPS , CCTV เป็นต้น
โดยโครงการดังกล่าวจะช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เป็นต้นทุนทางการเงินของขสมก.ลงได้ประมาณ 60% ประกอบด้วย ค่าเหมา ซ่อม ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าประกันภัย ค่าใช้จ่าย ด้านบุคลากรเก็บค่า โดยสาร เป็นต้น และยังลดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เมืองสามารถแก้ไขปัญหา PM2.5 ได้อย่างเป็นรูปธรรม สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของประเทศในด้านการใช้พลังงานสะอาดในระบบขนส่งมวลชน อีกทั้งจะเป็นการเสริมสร้างความพึงพอใจให้ประชาชน
ต้องการให้รถเมล์ไทยของขสมก.พัฒนาให้เหมือนต่างประเทศ พร้อมทำตั๋วร่วมเชื่อมขนส่งมวลชนอื่นๆ จะทำให้ประชาชนเดินทางได้ง่ายขึ้น และไม่ยุ่งยากในการจ่ายเงิน พร้อมกันนี้จะเดินหน้าพัฒนารถเมล์สะอาด มีความปลอดภัยมากขึ้น และจะทำป้ายบอกทาง พร้อมคำนวณให้ว่ากี่นาทีจะถึงที่หมาย ซึ่งภายใน 6 เดือนเราจะให้เห็นความคืบหน้าให้ได้
นอกจากนี้โครงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ (สถานีรถโดยสารของขสมก.) ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษา คาดว่าจะนำร่องโครงการใน 3 พื้นที่อู่การเดินรถของขสมก. ได้แก่ อู่บางเขน อู่มีนบุรี และอู่หมอชิต โดยจะปรับปรุง ดัดแปลงพื้นที่ อาคารสำนักงาน รองรับการเชื่อมต่อการเดินทางแบบไร้รอยต่อ และกำหนดพื้นที่ในการให้เอกชนที่มีศักยภาพในการบริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์เพื่อเพิ่มรายได้ พร้อมจัดทำพัฒนา อาคาร มุ่งสู่การเป็น SMART Terminal และ Transportation HUB ของระบบขนส่งในเขตเมือง จัดให้มีพื้นที่ Park & Ride เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนได้โดยสะดวก
อย่างไรก็ตามแผนงานนี้จะช่วยให้เพิ่มรายได้เชิงพาณิชย์ให้กับขสมก.ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน สามารถรองรับเชื่อมโยงการเดินทางได้ดีขึ้น พร้อมทั้งเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ขนส่งในเขตเมืองให้เทียบเท่ากับหัวเมืองชั้นใน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง