svasdssvasds

'นิก เดอะสตาร์' เผยชีวิตดาวหล่นฟ้า เหลือค่าลิขสิทธิ์เพลงเดือนละพัน

'นิก เดอะสตาร์' เผยชีวิตดาวหล่นฟ้า เหลือค่าลิขสิทธิ์เพลงเดือนละพัน

เปิดใจอดีตนักร้องดาวรุ่ง 'นิก เดอะสตาร์' ในวันที่ความโด่งดังเลือนหาย เพลง "เธอคือหัวใจของฉัน" ไม่ได้อยู่ในกระแส จนเคยเกือบเลิกร้องเพลง แต่ได้มุมมองจากพ่อ "ไม่มีใครเป็นดาวตลอดไป"

ถ้าใครที่มานั่งทานอาหารหรือฟังเพลงที่ร้านแซ่บอินดี้ สาขาบางนา หรือซีดีซี ในคืนวันพุธ ก็จะได้พบกับเสียงที่คุ้นเคยของ 'นิก รณวีร์ เสรีรัตน์' นักร้องขวัญใจมหาชนในช่วงต้นยุค 2000 ที่โด่งดังเป็นพลุแตกหลังการประกวด 'เดอะสตาร์ 2' ด้วยเพลงฮิตอย่าง "เธอคือหัวใจของฉัน" 

วันนี้ด้วยวัยที่มากขึ้น และสภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรงเหมือนตอนหนุ่มๆ ทำให้เขาอาจจะไม่ได้ทั้งร้องทั้งเต้นจัดเต็มได้แบบตอนประกวด แต่ยังคงร้องเพลงได้ทุกแนวที่คนฟังขอ และเอ็นเตอร์เทนลูกค้าได้เต็มที่แบบแรงไม่มีตก

นิก เดอะสตาร์ เล่าให้ทีมข่าว SPRiNG ฟังว่า ช่วงที่ผ่านมาโดยเฉพาะก่อนโควิด เขาต้องเจอกับช่วงเวลาที่ลำบากของชีวิต ไม่มีงาน แถมค่าลิขสิทธิ์เพลงเธอคือหัวใจของฉัน ที่ตัวเองเป็นคนแต่ง จากเดิมที่เคยได้เดือนละแสน ทุกวันนี้คนฟังน้อยลง เพลงไม่ฮิตเท่าเดิม เหลือค่าลิขสิทธิ์เพียง 3 พันกว่าบาทต่อ 3 เดือน แต่ส่วนตัวก็เข้าใจว่าเพลงนี้ก็ 17 ปีแล้ว คงจะมีคนฟังน้อยลงไป

นิกยอมรับว่าช่วงแรกตัวเองยึดติดอยู่กับความโด่งดังในอดีต คิดว่าความดังมันจะอยู่ตลอดไป จะเป็น 'นิก เดอะสตาร์' ตลอดไป แต่พอวันนึงที่มันไม่ใช่ ก็รู้สึกน้อยใจว่าทำไมงานน้อยลง ทั้งที่เราก็ทำงานดี มันมีส่วนไหนที่เราทำผิดพลาดไปหรือเปล่า ไปออดิชันเล่นละครตั้งหลายเรื่องก็ไม่ได้ จนถึงขั้นคิดว่าจะเลิกเป็นศิลปิน เลิกร้องเพลง

"น้อยใจโชคชะตา น้อยใจโลกมนุษย์ น้อยใจวงการบันเทิง ทำไมไม่มองเห็นค่าของเราบ้างว่า ทำไมถึงไม่เอาเราไปทำงานในด้านที่สมควรที่จะทำ เวลาเราดูทีวี โอ้โห ทุกคน เดอะสตาร์ มีงานกันหมดเลย คนเดียวที่ไม่มีงานทั้งๆ ที่เพลงดัง"

 

เขายอมรับว่าตอนแรกๆ ก็มีส่วนที่รู้สึกน้อยใจว่าทำไมชีวิตเราต้องมานั่งร้องอะไรแบบนี้ แต่พอหันไปเจอพ่อที่เป็นนักร้องเหมือนกัน ก็เห็นว่าทุกวันนี้พ่อก็ยังร้องเพลงอยู่ ตั้งเครื่องตั้งแต่ 10 โมง เล่นตั้งแต่เที่ยงจนถึงบ่ายสี่โมงก็ยังเล่นอยู่

ผมถามว่า "พ่อทำไมยังร้องเพลงอยู่ ทุกวันนี้ พ่อไม่เหนื่อยเหรอ?"

พ่อบอกว่า "ทุกๆ วันนี้ เขาจ้างเรา เราก็ควรทำงานให้เขาเต็มที่ คนอยากฟังเพลงที่เราร้อง เราก็ควรจะร้องให้เขาเต็มที่"

ประโยคนี้ทำให้เขาคิดได้ว่า จริงๆ แล้วคือความรักในการร้องเพลงเราเริ่มมาจากตอนนั้น มันก็แค่กลับไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่ โดยรับงานร้องเพลงทุกที่ไม่เกี่ยงเงิน ไม่เกี่ยงงาน ไม่อายที่ต้องมานั่งร้องเพลงในร้านเหล้า ตรงกันข้ามกลับรู้สึกสบายใจที่มีคนจำได้มากกว่าคนจำไม่ได้ ไม่รู้สึกแย่ที่ต้องมาร้องในร้านเล็กๆ หรือร้านใหญ่ๆ เพราะว่ารู้สึกว่ามันก็คืองานเดิมที่เราต้องทำอยู่ดี แม้ว่าตอนนี้รายได้จะไม่ดีเหมือนตอนที่โด่งดัง แต่ว่าก็ไม่ได้ลำบากเท่าตอนช่วงก่อนโควิด 

ตอนนี้เขากลับมารับงานร้องเพลง โดยร้องประจำที่ร้านแซ่บอินดี้ สาขาบางนา และสาขาซีดีซี ในคืนวันพุธ และกลับมามีงานละครที่เพิ่งจะจบไปและกำลังเปิดกล้องถ่ายทำ ซึ่งอยู่ๆ ก็มีทีมงานโทรมาเพื่อชวนไปเล่นละคร โดยที่ตัวเองไม่ได้ไปออดิชัน เขาบอกว่าทั้งหมดมันทำให้เข้าใจสัจธรรมชีวิตมากขึ้นว่าของแบบนี้ถ้ามันจะมามันก็มา แล้วการที่เราดัง วันหนึ่งก็จะมีคนขึ้นมาแทนที่เราอยู่ดี 

 

 

"เมื่อก่อนเราก็อาจจะอยู่ในมุมนั้นบ้าง ตอนนี้ช่วงเวลาเปลี่ยนไป กระแสมันก็จะเปลี่ยนไปตามช่วงเวลา เราก็ต้องยอมรับกับมันให้ได้ ตอนแรกๆ ก็มีบ้างเหมือนกันที่เราหลงระเริงไปกับชื่อเสียงเงินทองที่เราได้มา แต่ว่าพอมันนึงที่เราคิดได้ เราก็จะรู้สึกว่าจริงๆ แล้วมันไม่จีรังยั่งยืนสักเท่าไร การที่เราทำงานในด้านที่เราชอบมากกว่าจึงจะเป็นสิ่งที่ดี"

 

นิก กล่าวทิ้งท้ายว่า วันนี้ความสุขคือการได้ร้องเพลงให้คนฟังมีความสุข ไม่สนใจว่าใครจะเรียกว่าอะไร ไม่ว่าจะเป็น นิก เดอะสตาร์ หรือ นิก เดอะสถุล อะไรก็ได้ ยอมรับได้หมด ขอแค่ว่าจำเพลงของเราได้ก็พอใจแล้ว เขาเชื่อเสมอว่าที่ผ่านมาถ้าต่อสู้เพื่อจะได้เป็น เดอะสตาร์ ได้แล้ว กับแค่การต่อสู้แค่นี้มันคงไม่ยากเท่าไร 

รับชมเพิ่มเติม

related