"โบว์ เบญจวรรณ" เปิดใจหลังเจอมรสุมเลิกแฟน ต้องจบรัก 10 ปี บอกที่ผ่านมาทำใจยอมรับ ความรัก คำสัญญา สิ่งเหล่านี้เปลี่ยนแปลงได้เสมอ
อีกหนึ่งนักแสดงสาวที่ได้รับกำลังใจอย่างท่วมท้น สำหรับ "โบว์ เบญจวรรณ" ที่ก่อนหน้านี้เจอมรสุมชีวิต จบรัก 10 ปียุติความสัมพันธ์กับพระเอกหนุ่ม "ก๊อต จิรายุ" เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางความเสียใจของแฟนๆ ที่ติดตามคู่นี้
ล่าสุดสาวโบว์ได้ออกมาแชร์พลังบวกให้ชีวิตมูฟออน ผ่านรายการ WOODY INTERVIEW โดยงานนี้เธอยังให้ข้อคิดด้วยว่าไม่มีประโยชน์ที่จะย่ำอยู่กับที่ พร้อมกับเผยใช้ธรรมะเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ และยอมรับกับความจริงทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
คุณโตที่เยอรมนี คิดถึงเยอรมนีไหม?
"เมื่อก่อนคิดถึงมากค่ะ หลังจากที่คุณพ่อเสียก็เหลือแค่เพื่อนๆ แต่หลักๆ ที่ยังคิดถึงมากๆ ก็คือตอนคุณพ่อยังอยู่ แต่พอเขาไม่อยู่แล้ว เราก็แค่ไว้เป็นทริปพักผ่อนแล้วกัน"
ในวันที่มาไทย ตอนนั้นยังไม่คุ้นเคยกับธรรมะ?
"ไม่เลยค่ะ โบว์แค่รู้ว่าเราโตมากับ 2 ศาสนา จริงๆ ในบัตรประชาชนเยอรมนี โบว์เป็นคาทอลิก แต่ด้วยความที่โบว์โตมากับคุณแม่ที่เป็นพุทธ อยู่ไทยก็เข้าโบสถ์ เข้าวัด ไหว้พระ รู้แค่เท่านั้น"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จุดเปลี่ยนที่เริ่มซึมซับ คือตอนไหน?
"ประมาณ 6-7 ปีที่แล้วค่ะ ที่เริ่มฟังเวลาขับรถจะฟังคำสอนของพระอาจารย์บ้าง อะไรที่ง่ายๆ พอเราจะเข้าใจ ก็รู้สึกว่ามันมากกว่าที่เราไปทำบุญ ถวายสังฆทาน มันมีการนั่งสมาธิ ณ ตอนนั้นโบว์ก็เริ่มทำวันละ 15 นาที แต่ยังไม่ได้มีการเรียนรู้หรือยังไม่ได้มีครูที่บอกเรา จนกระทั่งเกือบๆ 5 ปี โบว์ได้มีโอกาสไปปฎิบัติธรรมของท่านอาจารย์โกเอ็นก้า ตอนนั้นคือแบบสิ่งที่เรียนรู้มา หรือสิ่งที่เคยเข้าใจมาเป็นศูนย์ เหมือนเราไม่เข้าใจอะไรเลย ในวันที่เราไปที่นั่นเหมือนเราเริ่มต่อเป็นรูปเป็นร่างได้มากขึ้น ประโยชน์ของการนั่งสมาธิ คือการเข้าใจตัวเอง รู้ทันความคิดตัวเอง รับรู้และเรียนรู้จากความรู้สึกที่มันเกิดขึ้น ความคิดนี้ที่มันเกิดขึ้น"
เหตุการณ์ที่ผ่านมา ใช้ธรรมะเข้ามาช่วยขนาดไหน?
"ไม่รู้เลยว่าถ้าโบว์ไม่ได้มีธรรมะ เหตุการณ์ครั้งนี้มันจะกระทบโบว์หนักกว่านี้หรือเปล่า คือต้องขอบคุณมากๆ เลยค่ะ เพราะว่าการที่มีธรรมะเป็นที่ตั้งและเป็นแนวทาง จะรู้เลยว่าอารมณ์ที่มันเกิดขึ้น หรือสถานการณ์ที่มันเกิดขึ้น เรารับมือกับมันน่าจะได้ดีกว่าตอนเราไม่มี คิดว่าถ้าไม่มีอาจจะหนักมากๆ เหมือนเคว้งไม่รู้ว่าเราจะต้องไปเวไหน
แต่พอเรามีธรรมะเป็นที่ตั้งเป็นที่ยึดเหนี่ยว รู้เลยว่ามันเป็นธรรมชาติทุกอย่างมันต้องเปลี่ยนไป เพราะฉะนั้นในเมื่อคุณเรียนรู้มาแล้วว่าไม่มีอะไรอยู่ถาวร ทุกอย่างมันคือเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป มันแค่เปลี่ยนไปเราใช้ชีวิตกับช่วงแค่เวลานั้นๆ ก็โอเค ช่วงเวลาตอนนี้มันจะเป็นแบบนี้ มันไม่ได้ราบรื่นเหมือนที่เคยผ่านมา ก็ต้องยอมรับว่าสิ่งนี้กำลังเกิดขึ้น"
หลังจากวันที่พายุถาโถมเข้ามาใส่ พอผ่านตรงจุดนั้นไปได้ กลับไปพิจารณาว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร?
"ไม่ได้ตั้งคำถามเลยว่าทำไม เกิดจากอะไร เพราะเหมือนเราเคยตั้งคำถามพวกนี้ไปแล้ว พอเราไม่ได้คำตอบให้กับตัวเองที่มันแบบเคลียร์ชัด ก็เลยคิดว่า ณ วันนี้พอเวลาผ่านไปไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปพยายามหาคำตอบกับคำถามที่มันมีอยู่ โบว์คิดว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ความรักเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ความรู้สึกเปลี่ยนแปลงได้เสมอ คำพูดเปลี่ยนแปลงได้เสมอ คำสัญญาเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ทุกอย่างเปลี่ยนได้เสมอ"
"เพราะฉะนั้นพอมันเป็นแบบนี้ ทำให้เราคิดว่าบางทีเราไปยึดกับอะไรก็ไม่รู้ ว่ามันจะต้องเป็นไปตามที่สัญญานะ พอวันหนึ่งมันไม่เป็นได้แค่ยอมรับ เพราะเราไม่สามารถไปบังคับอะไรใครได้แม้กระทั่งตัวเอง เราก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ"
"เหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้โบว์เห็นเลยนะ ว่าเพื่อนคนไหนรักเรามากกว่าที่เราคิดด้วยซ้ำ เราสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ เพราะส่วนใหญ่เพื่อนจะไม่เคยเห็นโบว์ร้องไห้ เขาไม่เคยเห็นในมุมนี้ จนกลายเป็นว่าพอเรามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นพยายามมองหาอะไรที่เป็นผลดีบ้าง เพราะเชื่อว่าไม่มีอะไรที่เลวร้ายไปหมดหรอก มันมี 2 ด้านเสมอ"
ทำใจได้หรือยัง?
"ต้องทำใจได้ค่ะ เพราะมันไม่มีประโยชน์กับการที่เราย่ำอยู่กับที่ แต่มันมีบางโมเมนต์ไหมมี เพราะว่ามันเป็นเวลานาน ความทรงจำเยอะ ทุกครั้งที่ทำให้เราอาจจะมีสะดุดกลับมาบ้าง มันก็คือความทรงจำภาพต่างๆ แล้วปีนี้ก็กลายเป็นปีที่เพื่อนแต่งงานกันเยอะมากอีก (หัวเราะ) มันก็ทดสอบความแข็งแรง สภาพจิตใจเราเหมือนกัน"
เคยคุยเรื่องที่จะแต่งงานกันไหม?
"มีคุยกันบ้าง แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสค่ะ โบว์ไม่ได้ซีเรียส เขาเองก็ไม่ได้ซีเรียส เหมือนทั้งคู่มีหน้าที่ๆ ยังอยากทำอยู่ เพราะฉะนั้นเราไม่เคยที่จะคุยถึงรายละเอียดขนาดนั้น ก็เลยไม่ได้ลงรายละเอียดเลย"