เจนนิเฟอร์ คิ้ม เผยเหตุผล หลังโพสต์ฟาดบ้านเมืองไม่คืบ เพราะหัวหงอก

จากก่อนหน้านี้ที่นักร้องตัวแม่ "เจนนิเฟอร์ คิ้ม" ได้โพสต์ภาพสีส้ม พร้อมเขียนข้อความบอก "ผลการเลือกตั้ง" ที่ผ่านมา ตายตาหลับแล้ว ก่อนฟาดเดือดบ้านเมืองไม่คืบหน้า ก็เพราะหัวหงอกที่ยึดมั่นถือมั่นและกลัวตัวเองจะไม่สำคัญ รวมถึงบอกการขับเคลื่อนไปข้างหน้า ต้องอาศัยคนรุ่นใหม่

ภายหลังที่โพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป เหล่าชาวเน็ตก็วิพากษ์วิจารณ์สนั่น หลายเสียงบอกแทบไม่เชื่อสายตา ถึงขั้นถามว่าเปลี่ยนข้างแล้วหรือเปล่า ล่าสุด "เจนนิเฟอร์ คิ้ม" ได้ออกมาชี้แจงเล่าเหตุผลที่โพสต์ดุเดือด ผ่านรายการ "แฉ" โดยยืนยันไม่ได้เปลี่ยนข้างหรือเปลี่ยนใจ แค่เปิดใจให้เด็กรุ่นใหม่

โดยเจ้าตัวได้เผยว่า

"เราในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่เป็นรุ่นแม่ หลังจากที่เราไม่ได้ฟังลูกๆ เราเลย เราก็ฟังเขาบ้าง เราไม่ได้เปลี่ยนข้าง เปลี่ยนใจ แต่เป็นการเปิดใจให้กับเด็กๆ ให้เขาได้คิดได้ทำ ในสิ่งที่เขาอยากทำ"

"ส่วนที่โพสต์นั้น คิดแล้วถึงได้โพสต์ คิดนานเหมือนกันนะ สิ่งหนึ่งก่อนทำอะไรใดๆ หัวสมองเรา จิตวิญญาณของเรา มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชวงศ์อยู่เหนือหัวเรา สถิตอยู่ในใจเรา นั่นคือมุมเป็นคนไทยของเรา"

"แต่ในมุมความเป็นรุ่นแม่ เราไม่ได้เปลี่ยนขั้วหรือเปลี่ยนใจ หรือเปลี่ยนสีใดๆ เราแค่เปิดใจว่าถ้าฉันเป็นแม่ ในความเป็นแม่ของฉัน ที่ผ่านมาฉันไม่เคยฟังลูกๆ เลย อยากได้อะไร อยากทำอะไร แต่ความที่เรามองคนอื่นว่าเป็นรุ่นลูกรุ่นหลาน เราก็จะมองว่าเราเป็นผู้ใหญ่เราฟังก่อน ไหนเล่าซิ จะเอาอะไร"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

• เจนนิเฟอร์ คิ้ม ทัวร์ลง ออกความเห็นประเทศไม่ก้าวหน้า เพราะหัวหงอก ทำให้ช้า
• หนุ่ม กะลา-ก้อง ห้วยไร่ ฝากข้อความถึง ส.ว. ปมเลือกตั้ง 2566
• เช็กลิสต์ "9 คนดัง" บนถนน "เลือกตั้ง 2566" ใครสอบผ่าน-ใครสอบต  

"ถ้าสมมติลูกสาวเรา ไปแต่งกับเจ้าขุนมูลนายที่อายุเท่าลุง แล้วอยู่มา 8 ปี ลูกเราก็บ่นกับเราว่าเขาก็ดีนะ แต่หนูอยากได้อะไรใหม่ๆ เราก็ถามว่าลูกจะเลิกเหรอ โอเค ลูกจะแต่งกับผู้ชายหน้าตาหล่อ เก่ง ฉลาด ทันสมัย มีหัวคิดไปข้างหน้า ถ้าเราบอกว่าถ้ามึงเลือกอย่างนี้ จะเลิกกับผู้ชายคนนี้ มึงออกไปจากชีวิตแม่เลยนะ เราพูดอย่างนั้นไม่ได้ เราเป็นแม่ เราทำได้แค่ถามว่าไหนมีอะไรในใจยังไง"

"ในความที่ห้ามเด็กไม่ได้หรอก ห้ามใครก็ไม่ได้ เราผ่านจุดนั้นมาแล้ว ลูกรักใครชอบใครเลือกไป แล้วลองผิดลองถูกไป ให้โอกาสเขาคบกัน ถ้าเกิดวันนึงบางอย่างที่เรารู้สึกในใจว่าบางอย่างที่ลูกปรารถนา ลูกอยากเปลี่ยนแปลง ลูกจะไม่ได้สิ่งนั้น ไม่มีใครบนโลกนี้ที่ได้ดั่งใจทุกอย่าง"

"คำว่า 'หัวหงอก' เราใช้กับตัวเอง ไม่ได้ใช้กับใคร หัวหงอกเป็นศัพท์ที่เราใช้แทนคำว่าคนที่มีอายุแล้ว มีคุณวุฒิที่ต้องเปิดใจ เราไม่ได้ว่าชาวบ้าน ร้าน ตลาด ที่วิพากษ์วิจารณ์ใดๆ หรือพ่อแม่พี่น้องปู่ย่าตายาย หรือคุณลุงคุณป้าที่ดีกับเรา ที่นับถือ ที่เทิดทูนสถาบัน เราไม่ได้ว่าตรงนั้น เราหมายถึงคนที่อยู่ในส่วนการเมือง เราไม่ได้หมายถึงประชาชนคนทั่วไป"

"ก่อนที่จะเข้าใจเรื่องพวกนี้ ก่อนเลือกตั้งจริงจัง เราเป็นคนชอบซื้อกับข้าวข้างถนน พ่อค้าแก่ๆ รุ่นตายายเข็นของ ถามเขาว่า 'จะเลือกตั้งแล้วจะเลือกอะไร' เขาก็ชี้ไปสีโน้น เราก็ถามว่าทำไมล่ะ เขาบอกว่า 'เจ๊ ลุงกับป้าก็ไม่ไหวแล้ว มันผ่านมาช่วงนี้เป็นช่วงที่เขาลำบากมาก เขาอยากมีความหวัง อยากมีชีวิตที่ดีขึ้นก่อนตาย' ความที่เราได้ลงไปเจอกับผู้คนเยอะแยะ มันไม่รู้สึกสะท้านใจเหรอ"

"แต่เราเป็นแม่ เรากลับมาคิดว่าอีกหน่อยเด็กเขาจะเรียนรู้เอง ว่าเขาจะไม่ได้ทุกอย่างที่เขาอยากได้หรอก เขาจะได้บ้างไม่ได้บ้าง แล้วเรื่องเหล่านี้พอไปอยู่ในสภา เราดีใจนะ ที่ออกมาประมาณนี้ พรรคเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ พรรคนี้ที่มีเด็กๆ อยู่เยอะเหมือนกัน กว่าจะผ่านร่างกฎหมายอะไรสักอย่าง มันจะเป็นความร่วมมือร่วมใจกันระหว่างผู้ใหญ่ เขาจะมีเหตุผลนึง เด็กจะมีเหตุผลนึง เพื่อความก้าวหน้าของประเทศชาติ ภายใต้พระมหากษัตริย์เป็นประมุข"

"เราต้องถอยบทบาท ต้องเริ่มเปิดใจ ที่พูดไม่ได้ด่าใครเลยจริงๆ หัวหงอก ไม่ได้กล่าวล่วงเกินละลาบละล้วง ลุงป้าน้าอาพี่ป้าทั้งหลายแหล่ ขอกราบประทานโทษจริงๆ ทำไมต้องอันฟอล ทำไมต้องสาปแช่งให้เราล่มจม เมื่อก่อนโมโห แต่ตอนนี้เขาด่าก็อยากขอโทษ ฉันเป็นคนหยวนที่สุด ทุกวันนี้เวลาใครเข้ามาด่า ไม่ว่าสักคำ รู้สึกในใจว่าขอโทษนะ ที่ไม่สามารถทำให้ได้ดั่งใจ"

"บางคนถามว่าเจ๊เปลี่ยนไปเหรอ เราก็ไปตอบว่าอย่าเพิ่งโกรธเจ๊ บ้านเมืองจะต้องเป็นไป เจ๊ก็รักสถาบันเหมือนเดิม ถ้าหนูเข้าใจเจ๊ เจ๊อยากเห็นบ้านเมืองก้าวไปข้างหน้า ต้องมีการเปลี่ยนแปลง บางคนก็บอกว่าขอบคุณที่เจ๊มาคุยด้วยให้คำอธิบาย ถ้าไม่เข้าใจ ไม่โกรธเลย กราบขอประทานโทษจริงๆ ที่ทำให้ผิดหวัง"