ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดแรก เสนอชื่อ "วันมูหะมัดนอร์ มะทา" นั่งประธานสภาเพียงชื่อเดียว พร้อมจับตาลงมติเลือกรองประธานสภา ก้าวไกลเสนอชื่อปดิพัทธ์ สันติภาดา ขณะที่พรรครวมไทยสร้างสร้างชาติ เสนอชื่อนายวิทยา แก้วภราดัย
วันนี้ (4 กรกฎาคม) ที่อาคารรัฐสภา การประชุมผู้แทนราษฎร ชุดที่26 ครั้งที่1 มานพ คีรีภูวดล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า พรรคก้าวไกลจะมีการประชุมพรรคในเวลา 08.30 น เพื่อซักซ้อมขั้นตอนพิธีการโหวตเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งหากเป็นการประชุมลับจะต้องเขียนชื่อและนามสกุลเพื่อความชัดเจนในการโหวต
ทั้งนี้ยืนยันว่าการโหวตจะเป็นไปตามมติของพรรคในการโหวตวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคและส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ เป็นประธานสภาฯ
อดิศร เพียงเกษ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีมติของพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลได้มีการตกลงเรื่องประธานสภากันจบแล้ว พร้อมกล่าวอย่างติดตลกว่า “อย่าให้เป็นทูนอร์ เพราะแกเป็นวันนอร์”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าได้ประเมินหรือไม่ว่า พรรครัฐบาลเดิมจะส่งใครชิงแคนดิเดตประธานสภา อดิศร กล่าวว่า ไม่บังอาจไปก้าวล่วง ก็เป็นเพื่อนกันทั้งนั้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคเพื่อไทยจะส่งใครเป็นรองประธานสภา อดิศรกล่าวว่า ตนไม่ทราบแต่ไม่ใช่ตนแน่นอน แต่มั่นใจว่าเป็นได้ทุกคนผู้หญิงก็เป็นได้ เพราะ ลลิตา ฤกษ์สำราญ ก็เคยเป็นรองประธานสภาที่เป็นผู้หญิงมาแล้วเช่นกันแต่ก็ชัวอยู่แล้วตามโพล พร้อมกล่าวว่าพรรคเพื่อไทยจะมีการประชุมก่อนโหวตประธานสภาในเวลา 08:30 น.
กรณีที่ก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยไม่ยอมให้ตำแหน่งประธานสภา กับพรรคก้าวไกลที่มี 151 เสียง เหตุใดจึงยอมให้พรรคประชาชาติที่มี 9 เสียง ได้ตำแหน่งประธานสภา อดิศรกล่าวว่า ตนมองความเหมาะสมทางการเมืองในการที่จะเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล
หากตำแหน่งประธานสภา พรรคเพื่อไทยยังไม่สามารถยอมพรรคก้าวไกล ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะมีอะไรมาการันตีหรือไม่ อดิศรกล่าวว่า อย่าพึ่งไปคาดการณ์ขนาดนั้น เพราะพรรคเพื่อไทยพรรคเพื่อไทยสนับสนุน พิธาเป็นนายกล้านเปอร์เซ็นต์ เมื่อวานตนก็ได้เข้าไปทักทายภายหลังรัฐพิธีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “สวัสดีครับท่านนายกฯ”
นับจากนี้พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทยจะจับมือกันไปได้ด้วยดีแล้วใช่หรือไม่ อดิศรกล่าวว่า “ได้แล้วครับๆ และที่ผ่านมาก็จับมือด้วยดีมาโดยตลอด ทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ส.ส.ภาคอีสานเห็นพ้องตามมติพรรคใช่หรือไม่ อดิศรกล่าวว่า เป็นไปตามแถลงการณ์ พร้อมมองว่าเป็นนิมิตรหมายอันดี เป็นการประลองกำลัง และการประลองนี้ก็ได้จบสิ้นลงแล้ว พร้อมกล่าวต่อว่า ปัญหาการเมืองในรัฐสภานั้น เป็นที่โต้เถียงกัน ที่มีทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ปัญหาไม่มีที่สิ้นสุด กฎหมายแต่ละฉบับจะติดเข้ามา ในอนาคตไม่ทราบว่าจะเป็นอย่างไร แต่หากครองเสียงข้างมากในรัฐสภาได้ ก็ไม่มีปัญหา ประชาชนคาดหวังว่า เมื่อไหร่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ และมีนายกรัฐมนตรี
สุทิน คลังแสง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้การโหวตเป็นไปตามมติเดิมที่หารือกันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ซึ่งพรรคเพื่อไทยไม่ได้ดูรายละเอียดในคำแถลงการณ์เมื่อวานนี้(3 ก.ค.)ที่มีเรื่องนิรโทษกรรมและการปฏิรูปกองทัพอยู่ด้วย
แต่พรรคเพื่อไทยเคยแสดงความเห็นไปแล้วว่าหากเรื่องนิรโทษกรรมอยู่ใน MOU ก็ไม่ถือว่าเป็นปัญหาถึงขั้นต้องตกลงกันใหม่ เพราะคำแถลงการณ์คุยกันได้ตามสถานการณ์ และคงต้องพูดคุยกันอีกเล็กน้อย เพราะเจตนารมณ์ของพรรคเพื่อไทยยืนยันชัดเจนตั้งแต่การทำ MOU แล้ว
ส่วนการโหวตในที่ประชุมวันนี้เป็นไปตามมติของแต่ละพรรค ซึ่งเพื่อไทยมีมติชัดเจน ว่าต้องเลือกอย่างไร ไม่มีฟรีโหวตแน่นอน
อนุทิน ชาญวีรกูล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการเลือกประธานรัฐสภาที่มีชื่อ วันมูหะหมัดนอร์ มะทา เป็นแคนดิเดตว่า ท่านมีความเหมาะสม มีบารมี มีวุฒิภาวะ มีประสบการณ์
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึง ตำแหน่งรองประธานสภาทั้งสองคน โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่พรรคภูมิใจไทยออกแถลงการณ์ว่า จะไม่โหวตพรรคที่เสนอแก้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า ขอประชุมในเวลา 09.05 น.ก่อน
ธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายรัฐมนตรี และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ ถึงแนวทางการโหวตประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ ว่า ในพรรคเรามีการหารือในหลักการคือเราจะไม่โหวต ประธานสภาฯที่มีนโยบายในการแก้มาตรา 112 นั่นหมายความว่าเราจะไม่โหวตให้พรรคก้าวไกล รวมไปถึงรองประธานสภาฯด้วย
ส่วนจะโหวตให้วันมูฮัมหมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชาติ หรือไม่ส่วนตัวมองว่าท่าน เป็นนักการเมืองอาวุโสมีประสบการณ์ผมคิดว่าท่านเหมาะสม ท่าน อาจจะทำให้สภาฯมีความราบรื่นได้ส่วนนี้เราไม่ได้ขัดข้องอะไร โดยก่อนประชุม พรรครวมไทยสร้างชาติจะมีการหารือกันอีกรอบ
ธนกร กล่าวต่อว่า ในการทำหน้าที่ให้ประเทศชาติและประชาชน จุดยืนรวมไทยสร้างชาติเราไม่ต้องการ ให้มีการแก้ไขมาตรา 112 เรายึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เรามีจุดยืนเดิมอยู่แล้วแต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าส.สของพรรคก้าวไกล ไม่ได้มีความรู้ความสามารถท่านอาจจะเป็นคนเก่งมีความรู้ความสามารถแต่เรามีจุดยืนแบบนี้ เราก็คงไม่สามารเสนอท่านได้
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่าการประชุมในวันนี้น่าจะราบรื่นด้วยดี แต่ในช่วงเช้าพรรคก้าวไกลจะมีการประชุม ส.ส.เพื่อเน้นย้ำอีกครั้ง และอธิบายถึงกระบวนการทำงานและซักซ้อมการทำหน้าที่ของส.ส.พรรคในการโหวตลงคะแนนให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งวันนี้ตนได้ส่งเลขาธิการพรรคไปพูดคุยกับ วันมูฮัมหมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชาติ อีกครั้ง เกี่ยวกับเรื่องการเสนอชื่อเป็นประธานสภา
ทั้งนี้ พิธา กล่าวถึงการเสนอชื่อ ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก เป็นรองประธานสภาฯคนที่หนึ่งว่าได้มีการทำความเข้าใจมาตลอดตั้งแต่เดิมตอนจะเสนอชื่อเป็นประธานสภาฯ และร่วมกันตัดสินใจ แต่ปดิพัทธ์ เป็นคนที่มีสปิริต ย้ำในจุดยืนว่าหน้าที่ไม่ใช่หน้าตา
อย่างไรก็ตาม ตนยอมรับว่าพรรคได้มีการคิดถึงแนวทางในกรณีหากมีพรรคการเมืองอื่นเสนอชื่อประธานสภาฯแข่งกับวันมูฮัมหมัดนอร์ แต่เท่าที่ดูเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร และเท่าที่ดูก็ตอบรับดี ไม่ว่าจะเป็นท่าทีของฝ่ายจัดตั้งรัฐบาลและที่เป็นว่าที่ฝ่ายค้าน น่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนตัวจึงเห็นว่าการตัดสินใจของทั้ง 8 พรรคร่วมรัฐบาล เป็นการรักษาเอกภาพและมิตรภาพของพรรคร่วมรัฐบาล และแสดงให้เห็นถึงความหนักแน่นและคงเส้นคงวาของพรรคก้าวไกล ว่าเรื่องของหลักการสำคัญกว่าตัวบุคคล
พิธา กล่าวต่อว่า ได้มีโอกาสพูดคุยกับหัวหน้าพรรคประชาชาติแล้ว ท่านก็รับหลักการทุกอย่างในการบริหารสภาฯให้โปร่งใส มีเสถียรภาพ และยึดโยงกับประชาชน ดังนั้นในส่วนของพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ที่แถลงจุดยืนไปเมื่อวานนี้(3 กรกฎาคม)เรื่องของตำแหน่งประธานสภาฯก็น่าจะจบลงแล้ว และเรื่องนี้ก็ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ดีว่าพรรครุกได้ถอยเป็น แม้พรรคอันดับหนึ่งควรจะได้ตำแหน่งประธานสภาฯ แต่เรื่องการรักษาเสถียรภาพของรัฐบาลก็มีความสำคัญ แสดงให้เห็นว่าเมื่อเวลารุกก็ต้องรุกให้สุด เมื่อเวลาก็ถอยถ้าไม่เสียหลักการและได้ในสิ่งที่เราต้องการจะเห็น
ส่วนกรณีที่พรรครวมไทยสร้างชาติ แสดงจุดยืนว่าหากประธานสภาฯยังมีแนวคิดที่จะแก้ไขในมาตรา 112 จะไม่โหวตสนับสนุนนั้น พิธา ระบุว่าส่วนตัวยังไม่เห็นรายละเอียดเรื่องนี้ เห็นเพียงพาดหัวข่าวของธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ชมว่าวันมูฮัมหมัดนอร์ เป็นคนที่มีประสบการณ์และมีความเหมาะสม
ทั้งนี้ พิธา ยอมรับว่า ได้มีการมองอนาคตทางการเมืองในระยะยาวไว้แต่เวลาปฏิบัติเป็นวันต่อวัน พร้อมย้ำว่าพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทยได้มีการพูดคุยกันมาโดยตลอด ซึ่งการทำงานก็มีทั้งเห็นพ้องต้องกันและต้องถกกันอยู่แล้ว แต่ก็ถือเป็นเรื่องที่คุ้นเคยมาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ตามสภาพกาลของแต่ละพรรคที่แตกต่างกัน พร้อมชี้แจงว่าคำว่ารุกได้ถอยเป็น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และบริบทดูเป็นแต่ละกรณีไป คนเป็นผู้นำต้องตัดสินใจให้เป็น
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า วันมูฮัมหมัดนอร์ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่ยุคไทยรักไทย จะถือเป็นการปาดหน้าตำแหน่งประธานสภาฯนั้น พิธา มองว่าวันมูฮัมหมัดนอร์ ถือเป็นผู้ใหญ่ มีความคิดเป็นของตัวเอง และได้พิสูจน์ตนเองมาตั้งแต่ปี 2522 ภายใต้สังกัดพรรคการเมืองหลายพรรค จึงเขื่อว่าท่านเป็นตัวของตัวเอง จะทำให้รัฐสภาก้าวหน้าได้
ทั้งนี้ พิธา ยังกล่าวถึงความกังวลในการรวบรวมเสียง สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ว่าขณะนี้เราได้เสียงส.ว.เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงกรณีตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรหลังจากที่พรรคเพื่อไทยและก้าวไกลได้ตกลงกันว่าจะเสนอชื่อ วันมูฮัมหมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เพราะตำแหน่งประธานสภาฯเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญ เราก็ดีใจที่มีข้อยุติที่เป็นบวก และเป็นประโยชน์ต่อการเดินหน้าประชาธิปไตย ที่ประชาชนฝากความหวังไว้ จากนี้ก็ไม่อยากให้มีเรื่องอะไรให้ประชาชนผิดหวังอีก อยากให้คิดถึงความคาดหวังและประโยชน์ของประชาชน มากกว่าตำแหน่งของแต่ละพรรค
เมื่อถามว่าวันนี้น่าจะมีการเสนอประธานสภาฯ คนเดียวใช่หรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่าก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น ตามความคาดหวังของประชาชนและตามที่ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลได้พูดคุยกัน
เมื่อถามถึงจุดยืนทางการเมืองว่ายังจะลาออกจากจำแหน่ง ส.ส.หรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่าขอให้ผ่านการโหวตประธานสภาฯวันนี้ไปก่อน แต่การตัดสินใจของตนจะดีต่อส่วนร่วม เพราะตนอยากทำหน้าที่แก้ปัญหาให้กับชาวบ้าน ตลอดหลายปีที่ผ่านมาแม้ไม่มีตำแหน่งก็ลงพื้นที่ทำงานกับชาวบ้าน เมื่อถามย้ำว่าจะเปลี่ยนใจหรือยังยึดจุดยืนเดิมที่ตัดสินใจลาออกหรือไม่ ยืนยันว่ายังยึดจุดยืนเดิม
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.05 น. การประชุมสภาผู้แทนฯ เพื่อเลือกผู้มาดำรงตำแหน่งประธานสภา และรองประธานสภาผู้แทนฯ โดยพล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นบุคคลที่มีความอาวุโสสูงสุด อายุ 89 ปี มาทำหน้าที่เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรชั่วคราว
โดย พล.ต.ท.วิโรจน์ ได้อธิบายถึงขั้นตอนต่างๆ เริ่มตั้งการกล่าวคำปฏิญาณตนของส.ส. และเรื่องแจ้งเพื่อทราบว่า มีการถ่ายทอดเสียง ภาพ ทางสถานีวิทยุ โทรทัศน์ จึงให้สมาชิกระวังกล่าวกล่าวพาดพิงถึงบุคคลภายนอกด้วย เพราะจะเป็นการละเมิดในไปสู่การฟ้องร้องได้
จากนั้นเข้าสู่ระเบียบวาระการเลือกประธานและรองประธานสภาฯ พล.ต.ท.วิโรจน์ แจ้งกับที่ประชุมว่า ตามข้อบังคับการประชุมสภา ให้เสนอชื่อโดยมีผู้รับรอง อย่างน้อย 20 คน และจะมีการลงคะแนนลับ โดยใช้วิธีเขียนชื่อลงในบัตร แล้วหย่อนลงหีบ จะมีคณะกรรมการนับคะแนนจากพรรคการเมือง
ต่อมาเข้าสู่การเสนอชื่อ ผู้เป็นประธานสภาฯ โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เสนอชื่อ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา
ด้านนายวันนอร์ แสดงวิสัยทัศน์ว่า
1. จะทำหน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลางทางการเมือง จะน้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระราชทานมาเมื่อวันที่ 3 ก.ค. เป็นแนวทางการปฏิบัติของพวกเราต่อไป
2. จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความโปร่งใส สุจริต ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ป
3. จะกำหนดแนวทางกับผู้ที่จะมาทำหน้าที่เป็นรองประธานสภาฯ ในการพิจารณากฎหมาย กระทู้ถามอย่างเป็นระบบ
4. จะให้ความสำคัญกับการปฏิบัติงานของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ทุกคณะ เพื่อบรรเทาแก้ไขปัญหาของประชาชน
5. จะร่วมกับพวกเราให้ความสำคัญกับนโยบายต่างประเทศ เน้นร่วมมืองานรัฐสภา เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล และประการสุดท้าย จะทำหน้าที่กำกับดูแลงานสถาบันพระปกเกล้าให้มีประสิทธิภาพในการส่งเสริมงานนิติบัญญัติ รวมทั้งจะสนับสนุนทีวีและวิทยุรัฐสภา เป็นสถานีของประชาชน
เนื่องจากไม่มีการเสนอชื่อแข่ง นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา จึงได้รับเลือกโดยอัตโนมัติ
มีรายงานว่า การเสนอชื่อรองประธานคนที่ 1 พรรคก้าวไกลเสนอชื่อนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล
โดยนายปดิพัทธ์ แสดงวิสัยทัศน์ว่า ร่างกฎหมายทุกฉบับจะได้รับการพิจารณาอย่างมีประสิทธิภาพ ฝ่ายนิติบัญญัติไม่ตกอยู่ภายใต้การครอบงำของฝ่ายบริหาร
ขณะที่พรรครวมไทยสร้างสร้างชาติ เสนอชื่อนายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ชิงตำแหน่งนี้
โดยนายวิทยา แสดงวิสัยทัศน์ว่า หลักคือความเป็นกลาง รักษาเกียรติภูมิของสภา บางยุคสมัยประชาชนเบื่อหน่ายกับสภาที่ไร้วินัย เราต้องช่วยกัน