"ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง" เปิดเหตุผล จากใจคนที่รังเกียจนักการเมือง แต่ตัดสินใจลงเล่นการเมือง "พรรคไทยภักดี" บอกไม่ได้สู้เพื่อตัวเอง แต่สู้เพื่อชาวบ้านที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมแบบตน
จากกรณีก่อนหน้านี้ที่นักแสดงมากฝีมือ "ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง" หรือ "ปราปต์ปฎล" ตกเป็นประเด็นใหญ่ ถูก "กรมสอบสวนคดีพิเศษ" แจ้งข้อกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวพันกับคดีแชร์ลูกโซ่ "Forex-3D" ข้อกล่าวหาร่วมกันฟอกเงิน ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าตัวก็ได้แสดงความบริสุทธิ์ใจ ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ
ก่อนที่ต่อมา ปราปต์ปฎล ได้ยื่นหนังสือถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอทราบความคืบหน้าคดีฟอกเงินที่ตนถูกแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมบอกโดนแจ้งข้อกล่าวหามานาน 5 เดือนแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้า ส่งผลกระทบทำให้ถูกยกเลิกงาน ชีวิตส่วนตัวพัง และบ้านกำลังจะถูกยึด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ล่าสุดนักแสดงมากฝีมือ ปราปต์ปฎล ก็ตกเป็นประเด็นฮือฮาอีกครั้ง กับการโผล่ร่วมงานเปิดตัวลงเล่นการเมืองกับ "พรรคไทยภักดี" โดยเจ้าตัวได้เขียนข้อความ บอกเล่าเหตุผลที่กระโดดลงเล่นการเมืองในครั้งนี้ว่า
"ขออนุญาตใช้พื้นที่ส่วนตัวให้ข้อมูลกับพี่น้องสื่อมวลชน ถึงภาพที่หลุดออกไป สร้างความประหลาดใจให้กับพี่น้องสื่อ จนต้องโทรมาสอบถามผมหลายสิบราย ในขณะที่ผมขับรถกลับบ้าน"
"นับตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม ที่ผมได้ไปยื่นหนังสือทวงถามความคืบหน้าเรื่องคดีความที่ตึกดีเอสไอ และได้พูดถึงเรื่องราวที่ได้รับการปฏิบัติอย่างไม่โปร่งใสจากเจ้าหน้าที่รัฐ ดังที่เป็นข่าวจากการนำเสนอของพี่น้องสื่อ เพื่อให้สังคมได้รับรู้ข้อเท็จจริงจากผม"
"ก็เกิดเป็นประเด็นร้อนในสังคมอย่างที่ทราบ จนต่อเนื่องถึงการให้สัมภาษณ์กับอีกหลายรายการ และกราบขออภัยพี่น้องสื่ออีกหลายท่านที่ผมต้องปฏิเสธไป เนื่องด้วยหลังจากยื่นหนังสือเสร็จ ผมก็ต้องไปทำภารกิจต่ออีกวันที่อยุธยา มีเวลาสะดวกต่อการให้สัมภาษณ์ในรายการคือวันที่ 9 มีนาคม"
"และด้วยเวลาที่จำกัด ณ ตอนนั้นที่พี่ๆ สื่อได้เมตตาจะให้พื้นที่ได้ในการชี้แจงถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตผมช่วงนี้ ผมจึงต้องปฏิเสธไม่ได้ไปร่วมรายการ เมื่อเสร็จสิ้นจากรายการ ถกไม่เถียง ผมรู้สึกว่าผมพอแล้วกับการต้องนั่งพูดคุยซักถามด้วยข้อเท็จจริงเดิมๆ ที่พูดกี่ครั้งก็ยังไล่เรียงเหมือนเดิม"
"ดังที่สังคมได้ชมและรับรู้จากการพูดคุย ทั้งที่ออกรายการสด และการโฟนอินเจาะลึกกับพี่ดนัย (หมาแก่) และการออกมาแฉพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่รัฐครั้งนี้ มีกระแสจากหลายฝ่ายเตือนผมมาด้วยความห่วงใย จากข้อมูลที่ได้รับกันและจากข่าวที่มีการโต้กลับของอีกฝ่ายที่มีอำนาจในมือว่าจะดำเนินกับผม"
"ผมทราบครับว่าผมจะได้รับผลกระทบอย่างไร และน่าจะหนักแค่ไหน อาจไม่ใช่แค่ตัวผม น่าจะรวมไปถึงแฟนผมที่ยังติดอยู่ในเรือนจำ แต่เราสองคนปรึกษากันแล้วว่า สู้เงียบๆ สงบเสงี่ยมก็โดนเหยียบย่ำ ไม่มีความเป็นธรรมอยู่แล้ว ก็เลยคิดว่าทำไมผมต้องเก็บข้อเท็จจริงไว้กับตัว แล้วปล่อยให้อีกฝ่ายทำร้ายเรา ด้วยการปล่อยข่าวเท็จ"
"จึงตัดสินใจขอให้พี่น้องสื่อช่วยเป็นกระบอกเสียง ตีแผ่เรื่องราวสู่สังคม ชีวิตผมและแฟนอาจอยู่อย่างลำบาก ดังที่หลายท่านเตือนสติว่าสู้กับคนมีอำนาจในมืออย่างไร ก็พ่ายแพ้ แต่อย่างน้อยผมก็ได้สู้กับความอยุติธรรม ต่อหน้าสังคมที่ได้รับรู้อีกมุม"
"คืนวันที่ 9 มีนา ผมกลับถึงบ้านเกือบเที่ยงคืน มีโทรศัพท์เข้ามาเยอะแยะ จนผมรู้สึกเครียดและคิดว่า..ผมพอแล้ว ผมสู้จนหมดแรงแล้ว จากนี้จะเป็นอย่างไรก็สุดแท้แต่เวรกรรม สายสุดท้ายที่ผมได้รับ จากที่ลังเลว่าจะรับดีมั้ย จากที่ตัดสายทิ้งไปเยอะ"
"ผมตัดสินใจรับ..ท่านที่โทรหาผม แนะนำตัวว่าท่านชื่อ 'หมอวรงค์' เป็นหัวหน้าพรรคไทยภักดี ท่านบอกว่าติดตามเรื่องข่าวสารคดีผมมาพอสมควร และเห็นถึงวิธีการต่อสู้ของผม ท่านชื่นชมว่ากล้าหาญและรอบคอบมาก ท่านถามผมว่าจากนี้จะทำยังไงต่อไป ผมก็ตอบไปว่าไม่ทำยังไงแล้วครับ..ผมพอแล้ว"
"ท่านจึงบอกว่าท่านและประธานพรรค ท่านถาวร เสนเนียม และคณะทำงานของพรรคอยากจะให้ผมใช้ความกล้าหาญที่มีอยู่ ต่อสู้ต่อไป แต่ครั้งนี้อยากให้เป็นตัวแทนของการต่อสู้ เพื่อชาวบ้านที่ถูกรังแก และไม่รู้จะต่อสู้ยังไงกับคนพวกนี้ พรรคพร้อมจะสนับสนุนการต่อสู้อย่างถึงที่สุด เพราะมันคือนโยบายหลักของพรรค"
"ผมเรียนให้ทราบตรงๆ ว่าคำว่าการเมืองสำหรับผม..ผมรังเกียจมาตลอด และไม่เคยมีมันอยู่ในความคิดเลย เพราะเห็น รับรู้มาตลอดจากการมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับคนพวกนี้ในอาชีพดารานักแสดง จนมาถึงการถูกกระทำทุกวันนี้ จะไม่ให้รังเกียจได้ยังไง"
"แต่คุณหมอท่านก็บอกว่าลองเข้ามาคุยกันที่พรรค แล้วค่อยตัดสินใจ ว่าทำไมคนรังเกียจนักการเมืองอย่างผมนี่แหล่ะ ถึงควรจะต้องมาทำงานด้านการเมือง..ถ้าถามผมว่ามีใครติดต่อผมบ้างมั้ยในเรื่องการเมือง คำตอบคือมีครับ หลายพรรคเลยครับที่อยู่ในสภานี่ล่ะ"
"แต่คำตอบว่ารังเกียจการเมืองของผม ทำให้การสนทนาสิ้นสุด..แต่ระดับหัวหน้าพรรคให้เกียรติโทรมาหาด้วยตนเอง มีพรรคเดียว และเป็นพรรคที่ไม่ได้มีภาพจำอย่างที่เห็นในสภา และด้วยวิธีการชักชวนที่จริงใจ ทำให้ผมตัดสินใจเข้าไปที่พรรคในวันนี้ และตัดสินใจที่จะลุกขึ้นสู้กับอำนาจอยุติธรรมอีกครั้ง ด้วยการทำงานด้านการเมือง..ปุ๊บปั๊บกันเลยทีเดียว"
"ในเมื่อไม่มีอะไรจะเสียกันแล้ว นี่ชีวิต เมื่อผู้ใหญ่เมตตาให้เส้นทางการต่อสู้แบบใหม่ ที่จะสามารถทำให้เกิดความยุติธรรมในสังคมได้ โดยที่ความยุติธรรมไม่จำเป็นต้องถูกตีเป็นราคา..และมีความพร้อมทุกฝ่ายที่พร้อมให้การสนับสนุน..ขอลุยอีกสักตั้งครับ ไปให้สุด..ไม่ใช่แค่สู้เพื่อตัวเอง แต่จะสู้เพื่อพี่น้องชาวบ้านที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมแบบผม ขอชนกับคนคอรัปชั่นอีกสักยกครับ"