"เตนล์ WayV" ศิลปินเกาหลีเชื้อสายไทย เผยชีวิตในวงการเกาหลีที่หลายคนไม่เคยรู้ ยอมรับรู้สึกอ่อนไหวทุกครั้งที่ได้กลับเมืองไทย แฟนคลับคือกำแพงปกป้องและหน่วยสนับสนุนที่ดี
อีกหนึ่งศิลปินเกาหลีเชื้อสายไทยที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ในวงการเพลงเกาหลีใต้ สำหรับหนุ่มฮอต "เตนล์ ชิตพล ลี้ชัยพรกุล" หรือ "เตนล์ WayV" (TEN WayV) แถมยังเป็นศิลปินไทยคนแรกของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ในเกาหลีอย่าง "SM Entertainment"
ล่าสุด เตนล์ WayV ได้มาเยือนเมืองไทย พร้อมเปิดใจให้สัมภาษณ์เดี่ยวแบบ Exclusive ครั้งแรกในประเทศไทยผ่านรายการ WOODY FM โดยงานนี้เจ้าตัวได้เล่ามุมลับๆ ที่ยังไม่มีใครเคยรู้มาก่อน ตั้งแต่เริ่มต้นเป็นเด็กฝึกหัด จนถึงเรื่องส่วนตัวแบบสุดเอ็กซ์คลูซีฟ
ตื่นเต้นไหม เพราะไม่เคยเห็นเราให้สัมภาษณ์ที่ไหนเลย?
"ตื่นเต้นครับ เพราะเป็นการสัมภาษณ์เดี่ยวครั้งแรก"
เป็นเด็กฝึกไอดอลเกาหลี ตั้งแต่อายุยังน้อย ความท้าทาย กดดัน นึกถึงช่วงไหน?
"แต่ละช่วงไม่เหมือนกันครับ เตนล์รู้สึกว่าแต่ละช่วงที่เข้ามา มันเป็นบทเรียนที่ทำให้ผมเข้มแข็งขึ้น"
สิ่งที่เป็นอุปสรรค?
"หลังจากเดบิวต์เสร็จ เตนล์มีการผ่าตัดขา เพราะเต้นเยอะ ทำให้ขามีปัญหา ซึ่งเป็นช่วงที่เราคิดว่าจะไปต่อยังไงดี สมมุติขาไม่หายจะเต้นได้ไหม แต่โชคดีที่ขาหายปกติ แต่ช่วงนั้นก็เป็นช่วงที่พลิกของเตนล์มากเหมือนกัน เพราะก่อนจะผ่าตัดขาซ้อมเต้นอย่างเดียว ไม่ค่อยได้ซ้อมร้องเพลง แต่หลังจากมีการผ่าตัดที่ขา อยู่ดีๆ ผมต้องเรียนรู้ทุกอย่างเลยเตรียมตัวไว้ก่อน ถ้าเต้นไม่ได้ เราต้องร้องให้ได้ ช่วงนั้นก็เลยเป็นช่วงที่เรียนทั้งร้องทั้งเต้นทุกอย่าง เป็นช่วงที่เหนื่อยที่สุด แต่เป็นช่วงที่ได้อะไรมาเยอะที่สุด"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตอนเป็นเด็กฝึก คงเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ท้าทายที่สุดในชีวิต?
"เหมือนทุกอย่างเปลี่ยนไปเยอะมาก หลังจากที่เตนล์ไปเกาหลีครับ อาจจะเกี่ยวกับเรื่องนิสัยด้วย เมื่อก่อนเป็นคนชิลล์ๆ ทุกอย่างสบายๆ แต่หลังไปเกาหลี ไม่ใช่เขาพยายามให้เราไม่มีอิสระนะครับ แต่คือการซ้อมมันต้องตรงเวลา ร้องเต้น ทุกอย่างไม่ต้องเพอร์เฟค แต่เราต้องมีความพยายาม แต่อันนี้เป็นมาตรฐานของเตนล์ คิดว่าตอนที่ไปเตนล์จะไม่พูดว่าเหนื่อยแล้ว เพราะผมเป็นคนเลือกที่จะมา
และตอนนั้นเราอุทิศตนว่าจะต้องเดบิวต์ ถ้าคุณตัดสินใจเหนื่อยไม่เหนื่อย คุณก็พุ่งไปอย่างเดียว แต่เตนล์เป็นคนที่ถ้าตัดสินใจว่าจะทำ จะไม่มองย้อนกลับไป วิ่งไปข้างหน้าอย่างเดียวเลย แต่เตนล์ว่าอันนี้เป็นข้อที่ไม่ดี บางครั้งเราตัดสินใจจะไปข้างหน้าแล้ว ยังไงก็ต้องมองย้อนกลับไปบ้าง ไม่ควรที่จะวิ่งไปข้างหน้าตลอด ต้องครึ่งๆ เราวิ่งไปเสร็จแล้วก็กลับมาดู แล้วก็ค่อยวิ่งต่อ"
คุณมีความสำเร็จในทุกๆวัน ได้ตื่นมาและทำสิ่งเหล่านี้ มันน่าอัศจรรย์ คุณควรมีความสุขกับมันนะ?
"เตนล์มีความสุขครับ ดีใจที่ได้ทำ เพราะเป็นสิ่งที่เตนล์อยากจะทำอยู่แล้ว แต่ผมจะเป็นคนที่สนุกมากในช่วงเตรียมงาน ตอนซ้อม ถ่ายมิวสิควีดีโอ อัดเสียง เป็นช่วงที่เตนล์สนุกที่สุดเหมือนเราได้ทำสิ่งใหม่ๆ ได้ท้าทายตัวเองกับอะไรที่เราไม่รู้ว่าจะทำออกมาได้ดีหรือไม่ดี พยายามเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ครับ เพราะว่าชีวิตมีอะไรใหม่ๆเข้ามาตลอดเวลา"
ชื่นชอบการเต้นตั้งแต่เมื่อไหร่?
"ประมาณอายุ 13 ครับ ตอนเด็กๆ จะเป็นคนที่ไม่ชอบร้อง ไม่ชอบเต้น ไม่ชอบอยู่หน้ากล้อง ตอนเด็กๆ แม่บอกว่าชอบถือไมค์ร้องเพลงให้กับครอบครัวฟัง แต่หลังจากนั้นจำความได้ไม่ชอบเลย ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องอยู่ในโทรทัศน์ แต่อยู่ดีๆ ก็ดูเรื่อง Step Up ดูเสร็จอาม่าก็ถามว่าอยากลองเต้นไหม ก็เลยลองไปเรียนเต้น ร้องเพลงตอนนั้นก็ยังขี้อายอยู่ แต่ไปๆมาๆ ก็ชอบการเต้นการร้องมากเลย"
ตอนไหนที่รู้สึกว่าฉันอยากเป็นศิลปิน?
"มันสะสมไปเรื่อยๆ ครับ สมัยเด็กๆ ทุกคนอยากจะเป็นคนที่เท่ห์อยู่ในโรงเรียน คุณอยากที่จะโดดเด่น เตนล์ว่าเริ่มจากตรงนั้นมากกว่า เพราะตอนเด็กๆ ชอบเข้าสังคมมาก การเต้นเหมือนเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้รู้จักคนมากขึ้นครับ"
ไม่ได้กลับเมืองไทยนานมาก ตอนคุณกลับมาแล้วเหมือนมีคลิปหนึ่งที่ขึ้นจอตรงสยาม แล้วคุณล้มลงไปร้องไห้ ตอนนั้นคิดอะไรอยู่?
"ไม่ได้มาประเทศไทยนาน ไปอยู่แต่ต่างประเทศ แล้วเหมือนบางครั้งเตนล์เป็นคนที่แบบเข้มแข็ง และเป็นคนที่เก็บไว้กับตัวเองเยอะเหมือนกัน เป็นอะไรที่แปลกมาก กลับประเทศไทยทุกครั้ง รู้สึกอ่อนไหว เหมือนมีกำแพงมาปกป้องเตนล์จากโลกภายนอก ไม่รู้เพราะอะไรแต่กับประเทศไทย ถ้ามีคนถามคำถามอะไรเกี่ยวกับครอบครัว หรือยินดีต้อนรับกลับบ้าน มันทำให้อยู่ดีๆ ก็อ่อนไหวทุกครั้งเลย ขอบคุณทุกคนมากที่สนับสนุนเตนล์"
นอกจากสนับสนุนเรื่องของงานเพลงแล้ว พวกเขาให้อะไรกับคุณบ้าง?
"ความผลักดันที่อยากให้เตนล์แสดงมากขึ้น ความรัก ทุกครั้งเตนล์รู้สึกขอบคุณมาก แต่อย่างหนึ่งที่ผมรู้สึกขอบคุณมาก คือแฟนคลับ เขาจะเป็นแบบอยากทำอะไรทำเลย เราจะสนับสนุนเตนล์เอง เราจะอยู่ข้างหลังเตนล์ เพื่อสนับสนุนทุกครั้ง เพราะฉะนั้นเตนล์ไม่ต้องกลัว เหมือนให้ความมั่นใจและความกล้าที่จะทำอะไรที่เรากลัว"
ตอนนี้มั่นใจไหมเวลาที่ต้องถ่าย เวลาที่ต้องร้องหรือยังมีความตื่นเต้นทุกครั้ง?
"ตื่นเต้นทุกครั้งครับ เพราะเตนล์ไม่อยากคุ้นเคยกับหน้ากล้องมาก เพราะถ้าคุณคุ้นเคยกับหน้ากล้องมาก คุณจะคิดว่ามันก็เป็นเรื่องที่ปกติธรรมดา แต่ถ้าสมมุติคุณยังมีความตื่นเต้นอยู่ แปลว่าคุณอยากจะทำอะไรที่ใหม่ๆ ให้คนดูครับ"
มุมที่คนยังไม่เคยเห็นของ เตนล์ ชอบทำอะไร?
"ช่วงนี้ถ้ามีน้องแมว ก็จะเล่นกับน้องแมว ดูหนัง เอาจริงๆ เตนล์เป็นคนที่ถ้าไม่มีตารางงาน จะเป็นคนที่ขี้เกียจมาก ชิลล์เลย อยากจะออกไปชิลล์ข้างนอก แต่เตนล์ขี้เกียจเกินกว่าจะออกไปไหน แต่ถ้าไปห้องซ้อมไปครับ บางครั้งจะเป็นแค่จะอยู่บ้านหรือไม่ก็ไปค่ายเพื่อไปซ้อม"
WayV สมาชิกมีหลายคนและ International มาก เวลาคุยกันใช้ภาษายังไง?
"ก่อนอื่นทุกคนจะพูดภาษาเกาหลีก่อน แต่ในกลุ่มก็จะมี คนจีน คนอเมริกา แคนนาดาด้วย แล้วมันก็จะกลายเป็นอะไรที่แบบ แต่ละคนก็จะเริ่มพูดภาษาแม่ของตัวเองโดยธรรมชาติ ถ้าคนจีนอยู่ด้วยกันก็จะพูดภาษาจีน ถ้ามีคนเกาหลีเข้ามาก็พูดภาษาเกาหลี"
วงการเกาหลี เขาเล็งเมืองไทยเยอะมาก?
"เตนล์ว่าเด็กไทยก็มีความสามารถกันเยอะ แต่ละคนที่เดบิวต์มาทุกคนเก่งมากเลย ส่วนมีอะไรจะบอกน้องไหมๆ เตนล์ว่าถ้าใจสู้แล้ว ชีวิตมีอยู่แค่ชีวิตเดียว คุณลองทำไปก่อน อย่าเพิ่งคิดว่าทำไม่ได้ถ้ายังไม่ได้เริ่ม ถ้าออดิชั่นก็เสียเวลา เขาคงไม่เลือกหรอก ไม่ควรคิดอย่างงั้น ลองไปก่อนถ้าได้ก็คือได้ ถ้าไม่ได้ก็คือโอเคเราควรจะซ้อมต่อไหม หรือทางนี้มันใช่ทางเราหรือเปล่า ซึ่งมันมีทางเยอะมากเลย แต่ก่อนที่จะบอกว่าไม่ได้ ควรลองไปก่อน"
ใครก็ตามที่ผลักดันตัวเองอย่างเต็มที่ทุกวัน มันไปถึงเส้นชัยแน่นอน?
"เตนล์เป็นคนเชื่อว่าถ้าคุณไม่เก่งอะไร คุณซ้อมไว้เลย ซ้อมเต็มที่เลย ยังไงก็ต้องดีขึ้นครับ การกระทำมีผลมากกว่าพรสวรรค์ครับ"
ความฝันต่อไปของคุณคืออะไร?
"เป้าหมายเตนล์ที่อยากจะทำอยู่อีกหลายอย่างเลยครับ ทุกคนจะมีเป้าหมายใหม่ๆ ของตัวเองเสมอ ตอนนี้อยากจะเอาความเป็นตัวเองออกมาให้มากกว่านี้ ผ่านดนตรี ผ่านหนังสืออะไรก็ได้ อยากโชว์ด้านนั้นมากกว่า"