ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ประชุมแบ่งงานตรวจสอบ "สารวัตรซัว" ไม่หวั่นคอนเน็กชั่นบิ๊กตำรวจ ยึดพยาน หลักฐานตามกฎหมาย ย้ำลูกหลานใคร ไม่ใช่ประเด็น พร้อมเปิดรับข้อมูลทุกฝ่าย
จากกรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ได้ออกมาแฉขบวนการพนันออนไลน์ และเหล่านายตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจมืด โดยเฉพาะ "สารวัตรซัว" หรือ พ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล จนทำให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้ออกจากราชการ
โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เปิดเผยว่า การประชุมในวันนี้ ประกอบด้วยหลายหน่วยงาน ที่มีการแต่งตั้งขึ้นมาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง หลักๆ จะเน้นไปที่การตรวจสอบให้แน่ชัดว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์หรือไม่ รวมไปถึงการตรวจสอบทรัพย์สิน การตรวจสอบบริษัท และ บุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ยึดพยาน หลักฐาน ตามกฎหมาย ย้ำลูกหลานใครไม่ใช่ประเด็น และพร้อมยินดีเปิดรับข้อมูลจากทุกฝ่าย ถือว่าเป็นประโยชน์ และจะนำไปตรวจสอบต่อ
ทั้งนี้ กรณีตัวผู้ถูกกล่าวหามีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี และอาจจะมีการโยกย้ายทรัพย์สิน หรือทำลายหลักฐานต่างๆ จนยากต่อการตรวจสอบ จะมีผลต่อการดำเนินการหรือไม่ พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า ก็มีเป็นกังวลบ้าง เพราะเรื่องเกิดขึ้นมาสักระยะหนึ่ง จึงเป็นโอกาสที่ทำให้เกิดการขยับโยกย้ายทรัพย์สิน และเส้นทางการเงิน แต่เชื่อว่าอาชญากรรมไม่ว่าจะรูปแบบใดย่อมทิ้งร่องรอยหลักฐานไว้เสมอ หากกระทำผิดจริง เชื่อว่าทางเจ้าหน้าที่สามารถแกะรอยตรวจสอบได้อย่างแน่นอน
ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลต่างๆ ขอเวลาสักระยะหนึ่ง เมื่อพยานหลักฐานมีมากพอ ก็จะตั้งเป็นคดีและเชื่อว่าจะสามารถไปต่อได้อย่างแน่นอน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• "สารวัตรซัว" สะท้อนความเหลื่อมล้ำระบบข้าราชการ ชูวิทย์ ชำแหละวงการสีกากี
• ผบช.ก. เชื่อ 11 บริษัท สารวัตรซัว มีมูลเอี่ยวเว็บพนัน ยันไม่มีมวยล้มต้มคนดู
• สารวัตรซัว โดนแล้ว ให้ออกจากราชการ หลัง 'ชูวิทย์' แฉเอี่ยวเว็บพนันออนไลน์
ส่วนกรณีผู้ถูกกล่าวหา มีเพื่อนร่วมรุ่นลูกอดีต ผบ.ตร. และมีความสัมพันธ์กับ นายพล "จ." นั้น จะมีผลต่อการดำเนินงานหรือไม่ พล.ต.ท.จิรภพ ยืนยันว่า เราดำเนินการตามข้อเท็จจริง จะเป็นลูกใคร หลานใคร ไม่ใช่ประเด็นหรือสาระ ยึดพยานหลักฐานข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายเป็นที่ตั้ง
ส่วนเรื่องบทลงโทษทางวินัย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของต้นสังกัด ทางเราดำเนินการเฉพาะในเรื่องของคดีอาญา ซึ่งหากปรากฎข้อเท็จจริงใดๆ ทางเราจะรายงานไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติทุกขั้นตอนอยู่แล้ว
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวด้วยว่า คณะทำงานฯ ยินดีเปิดรับข้อมูลจากทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลจาก นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นายสันธนะ ประยูรรัตน์ หรือใครก็แล้วแต่ ถือว่าเป็นประโยชน์ และจะนำไปตรวจสอบต่อ
ส่วนที่นายชูวิทย์ให้ข้อมูลมาจำนวนมาก และเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ที่จะนำไปดำเนินการตรวจสอบ หากปรากฎเป็นข้อเท็จจริงที่ผิดกฎหมาย ก็จะใช้ดำเนินคดีต่อไป ส่วนการจะเรียก นายชูวิทย์ มาให้ปากคำหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของอนาคต