พบอีก 1 ลูกเรือ "เรือหลวงสุโขทัย" กระดูกเหล็ก สภาพหัวแตก นอนสลบคาชูชีพกลางทะเล เรือหลวงกระบุรีสามารถช่วยชีวิตเอาไว้ได้ ก่อนนำตัวขึ้นฝั่งท่าเทียบเรือบางสะพาน
พ.ร.ท.วิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการกองทัพเรือภาคที่ 1 พร้อมด้วยนายทหารระดับผู้บังคับบัญชา ได้เดินทางไปที่ท่าเทียบเรือน้ำลึกบางสะพาน เพื่อรอรับเรือหลวงกระบุรี ที่ตรวจค้นพบลูกเรือ "เรือหลวงสุโขทัย" จำนวน 1 นาย นำมาส่งขึ้นฝั่งที่ท่าเทียบเรือบางสะพาน
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า นายทหารคนแรก ที่ถูกช่วยเหลือมามีอาการอิดโรย เนื่องจากคลื่นลมในทะเลที่แรงมาก ซัดร่างลอยไปมาจนหมดแรงและหมดสติ แต่ยังใส่เสื้อชูชีพไว้ จนกระทั่งเรือรบหลวงกระบุรี ไปพบ ลูกเรือจึงกระโดดน้ำลงไปช่วยนำตัวขึ้นมาบนเรือ พร้อมกับปฐมพยาบาลจนฟื้นคืนสติขึ้นมาได้ และยังพบว่าที่บริเวณศีรษะมีบาดแผลจากการกู้เรือ ในขณะใกล้จะอับปาง จมสู่ท้องทะเล เมื่อช่วยลูกเรือรายนี้ขึ้นมาจากทะเลได้ จึงได้นำเสื้อผ้าของลูกเรือกระบุรี ให้สวมใส่ เพื่อให้ร่างกายอบอุ่น ก่อนนำตัวขึ้นฝั่งเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ
นอกจากนี้ทางกองทัพเรือ ยังได้เปิดศูนย์ประสานงานในพื้นที่บางสะพาน เพื่อให้ญาติทหารที่สูญหาย ได้เดินทางมาประสานกับทีมงานของกองทัพเรือ โดยมีบรรดาญาติพี่น้องของทหารที่สูญหาย ต่างทยอยกันเดินทางมาสอบถามความคืบหน้า ในการค้นหา และการช่วยเหลือ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• ข่าวปลอม! พบแล้ว 1 ศพ กำลังพล "เรือหลวงสุโขทัย" เร่งตามหาอีก 21 ชีวิต
• ไทม์ไลน์ "เรือหลวงสุโขทัยจม" ระดมกำลังช่วยเหลือ 16 ชั่วโมง ยังค้นหาอีก 31 นาย
• ผบ.ทร. เรียกประชุมด่วน เร่งค้นหากำลังพล "เรือหลวงสุโขทัย" อีก 30 นาย
ผู้บัญชาการกองทัพเรือภาคที่ 1 เปิดเผยว่า จากรายงานในขณะนี้ พบว่ามีทหารที่ยังสูญหาย จำนวน 31 นาย วันนี้พบ 1 นาย ทำให้ตัวเลขลูกเรือที่สูญหายในขณะนี้อยู่ที่ 30 นาย
ทั้งนี้ ทางกองทัพเรือได้สั่งการให้ เรือหลวงอ่างทอง เรือหลวงภูมิพล ออกค้นหาตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งในวันนี้ พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้มาตรวจเยี่ยม และให้นโยบายไว้ชัดเจน ว่าเราจะต้องช่วยให้ได้ครบทุกคน แล้วก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า อยากจะให้ทุกคนปลอดภัย
การค้นหาและการช่วยเหลือ เราจะต้องทราบทิศทางการเคลื่อนที่ของกระแสน้ำ และกระแสลม ว่ามีความเร็วเท่าไหร่ รวมทั้งสภาพอากาศแวดล้อมในการค้นหา ซึ่งทั้งหมดจะต้องถูกนำมาประมวลรวมกัน
ผู้บัญชาการกองทัพเรือภาคที่ 1 กล่าวอีกว่า สำหรับระบบความปลอดภัยของเรือ จะมีการปฏิบัติเป็นขั้นตอน ผู้การเรือก็ทำหน้าที่ควบคุม กำลังพลทุกนาย จะมีหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งวันเกิดเหตุกระแสลมน่าจะมากถึง 30-40 น๊อต คลื่นลมแรงมาก จึงประสบอุบัติเหตุ ซึ่งคนที่ไปช่วยก็จะมองไม่เห็น เพราะลักษณะของคลื่น มันจะย่อ (ย่อลง) ทำให้เรือที่เข้าไปช่วย มองไม่เห็น อีกทั้งเรือที่เข้าไปก็บังคับยากมาก ค่อนข้างอันตราย แต่ก็เข้าไปช่วย โดยต้องการช่วยคนเป็นหลักก่อน ส่วนเรือจะพยายามช่วยเป็นระดับรองลงมา
อย่างไรก็ตาม ในการใช้เฮลิคอปเตอร์ขึ้นตรวจการก็ยาก เพราะคลื่นใหญ่ อากาศฟุ้ง จึงได้สั่งการให้ชุดประดาน้ำของกองทัพเรือ ขึ้นไปกับเฮลิคอปเตอร์ เพื่อค้นหาผู้ที่ลอยคออยู่ในทะเลอ่าวไทย หากตรวจพบให้ดรอปนักประดาน้ำลงไปให้การช่วยเหลือ เพื่อนำตัวลูกเรือที่ประสบเหตุขึ้นเฮลิคอปเตอร์