svasdssvasds

ประวัติ ครูมืด จากเด็กสลัม สู่บรมครูโขนไทย หลังจากไปด้วยโรคมะเร็งปอด

ประวัติ ครูมืด จากเด็กสลัม สู่บรมครูโขนไทย หลังจากไปด้วยโรคมะเร็งปอด

เปิดประวัติ "ครูมืด ประสาท ทองอร่าม" บรมครูโขน ปรมาจารย์แห่งนาฏยสังคีตไทย หลังจากไปด้วยโรคมะเร็งปอด พบอดีตเคยลำบาก เคยใช้ชีวิตในสลัม ขอข้าววัดกิน กว่าจะมีวันนี้ไม่ง่าย

เป็นอีกหนึ่งข่าวช็อกในวงการบันเทิงไทย หลังจากเพจเฟซบุ๊ก "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมาย" ได้โพสต์รูปพร้อมข้อความแจ้งข่าวว่า "ขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปของ "ครูมืด ประสาท ทองอร่าม" ศิลปินผู้เป็นดั่งเพชรเม็ดเอกและผู้คืนชีพวงการโขนให้กลับมามีชีวิตและเป็นที่รู้จักอีกครั้ง" ท่ามกลางความเสียใจของบรรดาคนที่ทราบข่าว

ขณะทางด้านครอบครัว "ครูมืด" ได้เปิดเผยว่า ครูมืดเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอด หลังป่วยมานานปีกว่า โดยรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โดยครูมืดเสียชีวิตที่โรงพยาบาลเมื่อเวลา 17.21 น. ของวันที่ 5 พ.ย.65 หลังจากที่เข้ารับการรักษา เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 65 แล้วอาการเริ่มทรุดลงเรื่อยๆ โดยทางครอบครัวกำลังขอพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และเมื่อได้รับแล้วจะจัดพิธีทางศาสนาที่วัดบางรักใหญ่ จ.นนทบุรี โดยจะมีพิธีรดน้ำศพในวันจันทร์ที่ 7 พ.ย. นี้ เวลา 14.00 น.

ประวัติ ครูมืด จากเด็กสลัม สู่บรมครูโขนไทย หลังจากไปด้วยโรคมะเร็งปอด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

ย้อนเส้นทางชีวิต เด่น ดอกประดู่ ตำนานตลกพูดเพราะ หลังเสียชีวิตในวัย 80 ปี

ประวัติ จรัญ งามดี ตำนานนายจันหนวดเขี้ยว หลังจากไปกะทันหันในวัย 49 ปี

ประวัติ โป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม จากลิเก สู่ตลกในตำนาน ก่อนจากไปด้วยวัยเพียง 59 ปี

สำหรับประวัติของ ครูมืด ประสาท ทองอร่าม เป็นปรมาจารย์ด้านวัฒนธรรม ศิลปินด้านศิลปวัฒนธรรมไทย มีประสบการณ์เป็นครูโขนมากว่า 50 ปี ทั้งยังเป็นนาฎศิลปินชาย โขนลิง มีความสามารถในศิลปะหลายแขนง อาทิ ลิเก สวด แหล่ เห่ กล่อม การพากษ์โขนละคร แสดงจำอวด

รวมไปถึงเคยฝากผลงานอันทรงคุณค่าไว้แก่วงการบันเทิงและศิลปะไทยมากมาย อาทิ พล นิกร กิมหงวน (ปี 2510) , ลูกโขน (ปี 2553) , อำแดงเหมือนกับนายริด (ปี 2555) , นาคี (ปี 2559) , เสน่ห์รักนางซิน (ปี 2561) , ภูแม่น้ำโขง (ปี 2565) เป็นต้น และยังเป็นผู้ให้ความรู้ในรายการ "คุณพระช่วย" และอีกหลายรายการที่เกี่ยวกับศิลปวัฒนะธรรมไทย

นอกจากนี้ ครูมืด ยังได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติด้านดนตรี และศิลปิน ประจำปี 2563 สาขา บุคคลต้นแบบผู้ทรงคุณวุฒิ ทางด้านดนตรีและศิลปะการแสดง โดย หออัครศิลปิน Hall of Jazz อีกด้วย 

ปัจจุบัน ครูมืด ได้รับเกียรติจากกรมศิลปากร ให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปวัฒนธรรมไทย มีหน้าที่ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมไทยทุกแขนง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงโขน ซึ่ง ครูมืด เคยเปิดใจทิ้งท้ายถึงแพลนหลังเกษียณเอาไว้ด้วยว่า "จะตั้งใจอยู่กับพี่น้อง ครอบครัว ทำอะไรให้กับสังคม ทำอะไรให้กับโรงเรียนนาฏศิลป์ ทำอะไรให้กับกรมศิลปากรมากยิ่งขึ้น" 

ประวัติ ครูมืด จากเด็กสลัม สู่บรมครูโขนไทย หลังจากไปด้วยโรคมะเร็งปอด

ทั้งนี้หากย้อนไปเมื่อปี 2564 ครูมืด เคยไปออกรายการ "คุยแซ่บโชว์" เล่าเรื่องราวชีวิตของตัวเองที่กว่าจะมีวันนี้ไม่ง่าย เพราะเคยผ่านความยากลำบากมามากมาย เคยเป็นเด็กสลัมขอข้าววัดกิน ก่อนที่จะเป็นบรมครูโขนในปัจจุบัน โดยครูมืดเคยเล่าเรื่องราวว่า

"ชีวิตเติบโตมาจากสลัมเลยครับ อยู่สลัมเลย คือบ้านที่เป็นอยู่หลังคาติดกันหมดเลย แล้วที่บ้านที่ผมอยู่เป็นบ้านที่เช่าเขาอยู่ อาศัยอยู่ข้างวัด แต่บังเอิญถิ่นที่ผมอยู่ ถึงแม้จะห่างไกลความเจริญ แต่คนที่อยู่เป็นบุคคลทรงความรู้ และศิลปินแห่งชาติเยอะมาก ตอนเด็กผมร่องรอยเยอะมาก เกเรครับ ตีกัน ศึกใหญ่มากเลย ตีกันทั้งโรงเรียน

ซึ่งเหตุมันเกิดจากเริ่มงานไหว้ครู เด็กนาฏศิลป์ทำความสะอาด ช่างศิลป์มาก็เตะขวดน้ำกระจาย ก็ตีกันวันนั้น พอรุ่งขึ้นนัดกันไปเลย ก็พรวดพราดตีกัน เรื่องถึง สน.ต้องมาจับ มีอาวุธ ตอนนั้นผมเป็นนักเรียนข้าราชการด้วย ก็มีคำสั่งให้ออกจากโรงเรียน ออกจากราชการ แต่ผู้ใหญ่ก็ขอไว้ ลงโทษให้ต่ำจากไล่ออก ก็โดนลดขั้นเงินเดือน แล้วให้สอบตกปีนึง

มีโอกาสได้เข้าไปเรียนดนตรีนาฏศิลป์ยังไง คือเราชอบอยู่แล้ว เป็นคนที่ชอบแสดงออก ชอบเป็นผู้นำตั้งแต่เด็ก เพราะว่าเราอยู่สลัมคนก็อยู่เยอะ ก็มาเล่น เล่านิทานให้ฟังบ้าง เล่นกีฬาพื้นเมืองบ้าง เล่นซ่อนหา เราก็ชอบ แล้วเผอิญคุณปู่ผมท่านเป็นนักดนตรีไทย ท่านเป็นลูกศิษย์ของ คุณครูไพร หลวงประดิษฐ์ ไพเราะ ก็เอาผมติดตัวไปด้วย

แล้วที่วัดก็เป็นศูนย์รวมของศิลป์หลายแขนง ไม่ว่าจะเป็นโขน ลิเก ละคร ปี่พาทย์ ก็รวมตัวกันอยู่ที่นั่น ก็มีข้าวกิน บ้านเราจน เราก็อาศัยข้าววัดกิน เราก็ได้ดูโขน ดูลิเก ดูดนตรี ดูอะไรต่างๆ แล้วมันชอบ แล้วพอกลับมาก็เอาเรื่องเหล่านั้นมาเล่นกับเด็กๆ พอจบ เรียนชั้นประถม 5 ปี ชั้นมูล คือก่อน ป.1 ก็เป็นผู้นำมาตลอด นำร่องเพลงชาติ เป็นนักกิจกรรม

ชีวิตผมผ่านอะไรมาเยอะมาก ผมมีภรรยาก็อยู่ด้วยกันจะมีน้อง หมอบอกว่ามีน้อง เราก็ดีใจมากเลย เพราะเราไม่มีทายาท แต่อยู่ได้สักเดือน สองเดือนได้ข่าวว่าเสียน้องไป มันสะเทือนใจมาก อันนี้มันเป็นวิบากกรรมของผมแน่ๆ ผมระลึกถึงเสมอว่าเป็นกรรม เคยทำกรรม เคยทำเวรอะไรไว้ จึงทำให้ไม่มีลูก ก็เสียใจมาก พอเสียน้องไปแล้ว มันก็โยงไปทำให้เสียภรรยาไปด้วย

หลังจากนั้นก็เป็นโสดมาตลอดปฏิญาณตนไว้ว่าขออยู่คนเดียว เพราะความที่เราเพลิดเพลินไปมันเยอะแล้ว หลังจากที่เสียแฟนไป มันเยอะแล้ว ก็พอแล้ว คิดว่าหลังจากเกษียณอายุแล้ว ก็จะตั้งใจอยู่กับพี่น้อง ครอบครัว แล้วก็ทำอะไรให้กับสังคม ทำอะไรให้กับโรงเรียนนาฏศิลป์ ทำอะไรให้กับกรมศิลปากรมากยิ่งขึ้นครับ"

related