กระทรวงพลังงาน เตรียมชงกพช.เดือน พ.ย.นี้ ออกมาตรการบรรเทาผลกระทบราคาพลังงานเป็นของขวัญปีใหม่มอบให้คนไทย พร้อมแผนตรึงค่าไฟฟ้างวดแรกปี66 (ม.ค.-เม.ย.) อยู่ที่ 4.72 บาทต่อหน่วย แย้มดูแลผู้ใช้ฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย และ 500 หน่วยต่อไป
“กระทรวงพลังงาน เตรียมจัดทำของขวัญปีใหม่ให้คนไทย โดยจะเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เดือน พ.ย.นี้ เพื่อ พิจารณาทั้งเรื่องของ LPG และค่าไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งในส่วนของค่าไฟ ยังจะดูกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย และ 500 หน่วยต่อ รวมถึงจะมีมาตรการเสริมสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วไปด้วย”
กุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยในงานเสวนา ฝ่าวิกฤตพลังงานโลกทางรอดพลังงานไทย ซึ่งจัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ในวันที่ 27 ตุลาคม 2565 ว่า กระทรวงพลังาน อยู่ระหว่างเตรียมมาตรการช่วยเหลือด้านพลังงานให้กับประชาชนเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ โดยจะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ต้นเดือนพฤศจิกายน 2565 เบื้องต้นคาดว่าจะยังคงใช้มาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าให้กับประชาชนผู้ใช้ไฟรายย่อยขนาด 300-500 หน่วยซึ่งมี 17 ล้านคนทั่วประเทศ และจะมีการขยายมาตรการใหม่เพิ่มด้วย
ขณะที่ การดูแลค่าไฟฟ้า คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ส่งสัญญาณว่าจะมีการตรึงอัตราค่าไฟฟ้า 4.72 บาท/ต่อหน่วยไปจนถึงไตรมาสสองของปี 2566 หรือในช่วงของการคำนวนค่าเอฟทีงวดแรกของปี 2566 ระหว่างเดือนมกราคมถึงเมษายน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก เตรียมลงนามผลักดันตลาดคาร์บอนเครดิต
กระทรวงพลังงานจะทำทุกวิธีที่ทำให้ค่าไฟคงอยู่ในระดับ 4.72 บาทเหมือนปัจจุบัน ตอนนี้ต้นทุนราคาแอลเอ็นจีเฉลี่ยที่ประมาณ 34 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู ซึ่งจากการคำนวณหากราคาแอลจีขยับขึ้นไปถึง 50-55 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู จัดส่งผลให้ราคาค่าไฟปรับขึ้นจาก 4.72 บาท เป็น 7 บาท ดังนั้นการเปลี่ยนมาใช้น้ำมันผลิตพลังงานไฟฟ้าแทนจึงคุ้มค่ากว่าหากราคาน้ำมันอยู่ที่ไม่เกิน 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล“
นอกจากนี้ นาย กุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน ยังกำชับว่า ภาครัฐได้งัดมาตรการเข้ามาดูแลผลกระทบราคาพลังงานอย่างเต็มที่แล้ว แต่สิ่งที่สำคัญคือ คนไทยทุกคนจะต้องตระหนักถึงการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า และต้องเริ่มเรื่องการประหยัดพลังงานอย่างจริงจัง เพราะ ค่าไฟฟ้า จะไม่ใช่ของถูกอีกต่อไป ดังนั้น กลุ่มบ้านอยู่อาศัย ก็ต้องเริ่มการประหยัดอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น แอร์ และขยายสู่ระดับสาธารณะ เช่น ญี่ปุ่น ที่เปิดแอร์ 28 องศาในอาคาร เป็นต้น แต่ที่สำคัญสถานประกอบการขนาดใหญ่ เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงแรม โรงงาน ที่มีสัดส่วนการใช้ไฟฟ้าปริมาณสูงจะต้องมุ่งเรื่องการประหยักพลังงานอย่างจริงจัง ก็จะช่วยประเทศประหยัดต้นทุนนำเข้าเชื้อเพลิงลงได้
โดยในงานเสวนา ฝ่าวิกฤตพลังงานโลกทางรอดพลังงานไทย ยังมี นางสาวสมฤดี พู่พรอเนก รองอธิบดีกรมยุโรป กระทรวงการต่างประเทศ และนักแสดงชั้นนำ แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์ ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อวางแนวทางรับมือต่อวิกฤติที่เกิดขึ้น โดย นางสาวสมฤดี พู่พรอเนก รองอธิบดีกรมยุโรป กระทรวงการต่างประเทศ ความขัดแย้งของรัสเซีย และยูเครน ที่เกินเวลายาวนานมากว่า 8 เดือน และน่าจะยังยืดเยื้อต่อไปอีกนั้น ทำให้เกิดวิกฤติพลังงานไปทั่วโลก โดยทำให้อุปทานลดลง และราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก ส่งผลกระทบต่อเนื่องให้อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกอยู่ในระดับสูง และกระทบภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก เพราะรัสเซีย เป็นผู้ส่งออกน้ำมันอันดับ 2 ของโลก และส่งออกก๊าซธรรมชาติ อันดับ 1 ของโลก สำหรับในส่วนของสหภาพยุโรป (อียู) ได้รับผลกระทบอย่างหนักเช่นกัน เพราะพึ่งพาการนำเข้าพลังงานจากยุโรปในส่วนส่วนสูงมาก โดยนำเข้าก๊าซธรรมชาติ สัดส่วน 40% น้ำมัน 27% และถ่านหิน 46% คิดเป็นมูลค่า 3,714 ล้านบาท ส่งผลให้ยูโรปต้องออกกฎหมาย และมาตรการต่างๆ เพื่อลดการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย
ขณะที่ ดร. แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์ นักแสดงชั้นนำ กล่าวในหัวข้อ “ประหยัดพลังงานสไตล์ซุปเปอร์โมเดลรักษ์โลก” ว่า การประหยัดพลังงาน และเป็นหนึ่งในนโยบายที่เป็นเทรนด์โลก ในการประหยัดพลังงาน และ Keep The World ต้องเริ่มจาก “ตัวเรา” และสมาชิกในบ้านต้องร่วมกันประหยัดพลังงาน ลดการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าเท่าที่จำเป็น กำชับคนในบ้านให้ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อเลิกใช้งานแล้ว ใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อย เช่น การเปิด-ปิดตู้เย็นให้น้อยลง หันไปออกกำลังกายนอกสถานที่เพื่อลดการใช้ไฟในบ้าน น้องหมา ก็เคยอยู่ห้องแอร์ตอลด ก็ใช้พัดลมแทนในช่วงที่อากาศไม่ร้อนมาก