ปราบต์ ปราบต์ปฎล แจงไม่ได้ฟอกเงินคดี Forex-3D เชื่อภรรยาเป็นผู้บริสุทธิ์

หลังจากก่อนหน้านี้ (5ต.ค.65) "ปราบต์ ปราบต์ปฎล" ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ หรือ "ดีเอสไอ" หลังได้รับหมายเรียกครั้งที่ 2 ในข้อหาฟอกเงิน คดีแชร์ "Forex-3D" สืบเนื่องจาก "จิ๊กกี๋ ชนกวนันท์" แฟนของปราบต์ เคยเป็นอดีตภรรยาของ "อภิรักษ์ โกฎธิ" CEO FOREX-3D ซึ่งถูกควบคุมตัวเข้าเรือนจำไปพร้อม "พิ้งกี้ สาวิกา" และเป็นผู้ครอบครองรถหรูของนายอภิรักษ์ ผู้ต้องหาคนสำคัญของคดีนี้

ซึ่งภายหลังเข้าพบพนักงานสอบสวนเป็นเวลา 2 ชั่งโมง ปราบต์ ปราบต์ปฎล ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนสั้นๆว่า "ขอบคุณดีเอสไอที่ให้โอกาสเข้าพบในวันนี้ ตนมาทำหน้าที่พลเมืองที่ดีที่ควรกระทำ หลังทราบว่าดีเอสไอได้แจ้งข้อกล่าวหา จึงมารับทราบข้อกล่าวหา เบื้องต้นได้ให้การปฏิเสธ สำหรับรายละเอียดอื่น เมื่อความจริงได้รับการพิสูจน์ทุกคนก็จะทราบ"

ล่าสุดวันนี้(10ต.ค.65) ปราบต์ ปราบต์ปฎล พร้อมทีมกฏหมาย ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าว เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังกรมสอบสวนคดีพิเศษกล่าวหามีส่วนร่วมในคดีฟอกเงิน Forex-3D โดยเจ้าตัวเผยว่า "วันนี้ไม่ได้มาท้ารบ แต่มาเพื่อเคลียร์ตัวเอง เพราะตลอดเวลา 2เดือน ตนตกเป็นจำเลยสังคม ถูกตั้งข้อกล่าวหาบนโลกโซเชียล จากคดีForex-3D ทั้งๆที่ตนไม่รู้จักธุรกิจดังกล่าว"

"ซึ่งตนได้รับผลกระทบอย่างมาก ทั้งโดนแคนเซิลละคร โดนช่องเบรค ทั้งๆที่ชีวิตตนมีรายได้ทางเดียวคือการเป็นนักแสดง ไม่มีรายได้อื่นๆ ทำให้ตอนนี้เริ่มมีปัญหาทางด้านการเงิน ส่งผลกระทบไปถึงเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ตนไม่เคยมีเงินติดในบัญชีเกิน 3 ล้านบาท รถที่ใช้อยู่เป็นเงินที่ได้จากการทำงานล้วนๆ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ Forex-3D อีกทั้งยังโดนสื่อต่างๆนำเสนอข่าวที่ไม่มีมูลเท็จ ทำให้ตนนั้นถูกประชาชนทั่วประเทศเข้าใจผิด"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

ปราบต์ ปราบต์ปฎล ปฏิเสธข้อกล่าวหาคดีฟอกเงิน ยันไม่เอี่ยว Forex-3D

ปราบต์ ปราบต์ปฎล พบดีเอสไอตามหมายเรียกคดีฟอกเงิน หลังมีชื่อเอี่ยว Forex-3D

รู้จัก ปราบต์ ปราบต์ปฎล นักแสดงเจ้าบทบาทระดับขุนศึก ปมมีชื่อเอี่ยว Forex-3D

ส่วนประเด็นรถหรู "แอสตัน มาร์ติน" ที่ถูกเจ้าหน้าที่ดีเอสไอตามไปยึดรถที่จังหวัดราชบุรีนั้น ปราบปฎล ได้เคลียร์เรื่องนี้ว่า "เมื่อปี 2562 กี๋ ที่ไม่เคยติดต่อกันนานถึง 3 ปี หลังเลิกรากันไป ได้ติดต่อมาและเริ่มพูดคุยกันเรื่องลูก เนื่องจากได้เลิกกับสามีใหม่แล้ว ซึ่งตอนนั้นตนไม่รู้ว่าสามีใหม่ของเธอเป็นใคร จึงตัดสินใจกลับมาพูดคุยในฐานะพ่อคนนึง เพราะมีบุตรด้วยกัน 1 คน หลังจากนั้นกี๋ก็เริ่มเข้ามาคลุกคลีในชีวิตไปมาหาสู่กันตามปกติเหมือนครอบครัวหนึ่ง"

"จนกระทั่งเดือนกรกฎา ปี 2563 กี๋ได้ป่วยเป็นโรคไส้ติ่ง จนติดเชื้อในกระแสเลือด ได้เข้าไปรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง และกี๋ได้บอกกับตนว่ามีสาวประเภทสองคนหนึ่งโทรมาขมขู่ว่าจะเข้ามายึดทรัพย์สินที่อยู่ในคอนโดแห่งหนึ่งของกี๋ทั้งหมด เพราะแฟน ซึ่งคือนายอภิรักษ์ได้โกงเงินเขาไป กี๋จึงได้รบกวนวานให้ตนนำรถคันดังกล่าวที่จอดอยู่ใต้คอนโด ช่วยนำไปหาที่จอดรถปลอดภัยจากสาวประเภทสองที่โทรมาขมขู่ให้หน่อย"

"เนื่องจากคิดว่าไม่ไว้วางใจในทรัพย์สิน ตนจึงขับรถคันดังกล่าวไปจอดไว้ที่บ้านเพื่อน ในจ.ราชบุรี ซึ่งพอกี๋ออกจากโรงพยาบาล ก็พากันไปแจ้งความที่ สน.สุทธิสาร เนื่องจากสาวประเภทสองคนดังกล่าวพาเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้าไปยึดทรัพย์สินของตนโดยไม่ชอบธรรม ทั้งๆที่ไม่เคยมีการแจ้งเตือนจากเจ้าหน้าที่มาก่อน ซึ่งเป็นคดีฟ้องร้องกันอยู่"

"ต่อมามีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ตามมายึดรถคันดังกล่าว โดยแจ้งว่ารถคันนี้มีความเชื่อมโยง กับคดีแชร์ Forex-3D ที่มี นายอภิรักษ์ โกฎธิ เป็นผู้บริหาร และตกเป็นผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงประชาชน ตนอยากจะบอกกับสังคมว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับรถคันดังกล่าวเพียงเท่านี้ และตอนนั้นยังไม่ได้กลับมาคบหากัน กลับมาคบหากันจริง เมื่อปลายเดือนธันวาคม ปี 2563"

สำหรับคดีฟอกเงินที่ถูกออกหมายเรียกนั้น นายปราปต์ ยังบอกอีกว่า "ตามที่ดีเอสไอได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อไปว่า มีการออกหมายเรียกถึง 2 ครั้ง ตนยืนยันว่าไม่เคยได้รับหมายเรียก และไม่เคยได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเลย จนกระทั่งมีสื่อไปลงชื่อและนามสกุล จึงทำให้ทราบว่าเป็นตนเอง"

ด้านทีมกฎหมายของปราบต์ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า "ดีเอสไอแจ้งข้อหาฟอกเงินกับปราบต์ปฎลได้อย่างไร ทั้งที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ได้มีการไปผัวพันธ์กับทรัพย์ใดๆของน้องกี๋เลย เพียงแค่ขับรถหรูไปจอดไว้ที่บ้านเพื่อนของปราปต์ปฎลที่จังหวัดราชบุรีเพียงเท่านั้น ข้องใจรายชื่อเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่ออกหมายเรียก เป็นชื่อเดียวกับตอนที่จิ๊กกี๋ถูกงัดห้อง"

ด้าน ปราบต์ พูดต่อว่า "วันที่ฝ่ายหญิงมาอยู่กับตนในฐานะภรรยา คือมาแต่ตัว ทำขนมขาย ตนหอบไปขายตามกองถ่าย ตามสนามบอล ตนยังต้องเลี้ยงแม่ของฝ่ายหญิงด้วยเลย แต่เรื่องในอดีตก่อนจะมาเป็นสามีภรรยากับตน ตนไม่เคยถามเรื่องส่วนตัว วันนี้ตนชี้แจงทุกอย่างไปหมดแล้ว ยินดีทำแผนประกอบการหากทางเจ้าหน้าที่อยากให้พิสูจน์"

ก่อนฝากให้คิด "ตนจะฟอกเงินได้อย่างไร ในเมื่อทุกวันนี้ยังผ่อนคอนโด และใช้รถมือสองอยู่ ส่วนตัวยังมั่นใจในตัวกี๋ รอให้เขาออกมาพิสูจน์ตัวเอง ตนไม่มีวันปล่อยมือพร้อมที่จะดูแลผู้หญิงคนนี้ เริ่มต้นชีวิตใหม่ไปด้วยกัน ทุกวันนี้ตนไปเยี่ยมทุกวัน ให้กำลังใจกันตลอด ซึ่งกี๋เล่าว่าตนไม่รู้เรื่องฟอกเงิน เงินที่เคยใช้ได้มาจากอภิรักษ์จริงด้วยความเป็นสามีภรรยา ทุกวันนี้อยู่ในทัณฑสถานเหมือนเป็นการมาปฏิบัติธรรม"