พิธา ชี้ น้ำเกือบเต็มความจุเขื่อนอีสาน เตือน เตรียมความพร้อมรับมือพายุโนรู

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความอัปเดตพายุโนรูและสถานการณ์น้ำในภาคอีสาน เตือนเตรียมพร้อมความพร้อมรับมือ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. พายุโนรูได้ทวีความรุนแรงเป็นพายุระดับ 4 หรือซุปเปอร์ไต้ฝุ่นอีกครั้งหลังผ่านทะเลจีนใต้ (ความเร็วลมสูงสุด 240 กม./ชม.) คาดว่าจะขึ้นฝั่งเวียดนามเช้าวันพุธ (28 ก.ย.หรือวันนี้) และเข้าสู่ประเทศไทยวันพฤหัส (29 ก.ย.) ซึ่งเราหวังว่าให้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเพรสชั่น

2. จากข้อมูลของคลังข้อมูลน้ำแห่งชาติ พื้นที่ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือภาคอีสาน เพราะเขื่อนขนาดใหญ่มีปริมาณน้ำมากกว่า 80% หลายแห่ง โดยเฉพาะเขื่อนศรีนครินทร์ เขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนสิรินธร

3. ในขณะที่อ่างเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดเล็กหลายแห่งปริมาณน้ำล้นอ่าง (มากกว่า 100% ของความจุ) โดยเฉพาะภาคอีสาน ที่มีอ่างเก็บน้ำขนาดกลางล้นอ่างถึง 81 แห่ง

4. พื้นที่ภาคกลางและภาคเหนือ ปริมาณน้ำในเขื่อนใหญ่ยังมีความจุอยู่ในระดับที่รับน้ำได้ และสถานการณ์อาจไม่วิกฤตเท่าภาคอีสาน

5. ถ้าพายุโนรูหลังขึ้นฝั่งแล้วยังไม่ลดความรุนแรงลง ภาคอีสานหลายพื้นที่น่าเป็นห่วง เฉพาะบริเวณแม่น้ำมูล-ชีและรอบอ่างเก็บน้ำที่น้ำล้นความจุ พื้นที่ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นจุดบรรจบของลำน้ำมูลและลำน้ำชี

บทความที่น่าสนใจ

• “พายุไต้ฝุ่น” กับชื่อที่เปลี่ยนไป ตามแหล่งกำเนิดและอัตราความเร็วลม

• กทม. เผยปริมาณน้ำฝนในเดือนกันยายนปีนี้ สูงกว่าปีก่อนๆ เป็นอย่างมาก

• สำรวจการเดินทางพายุโนรู จากไต้ฝุ่น ลดระดับเป็นดีเปรสชัน เมื่อเข้าสู่ไทย

ประชาชนต้องเตรียมตัวอย่างไร?

1. เตรียมรับมือภัยจากฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่มในที่ลาดเชิงเขา

2. ในพื้นที่ลุ่ม พื้นที่ริมน้ำ เตรียมขนของขึ้นที่สูง เตรียมอพยพไปอยู่ในที่ที่หน่วยงานราชการเตรียมไว้ให้

3. ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด อาจมีประกาศให้อพยพหรือยกของขึ้นที่สูง หรือเตือนภัยน้ำป่า โดยติดตามจากเครือข่ายอาสาสมัครกู้ภัย หน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สื่อมวลชน และหน่วยงานที่รับผิดชอบงานภัยพิบัติในพื้นที่

 

คณะทำงานจังหวัดและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ของก้าวไกลจะทำอะไรบ้าง ?

1. ติดตาม รายงานข้อมูลสถานการณ์ และแจ้งเตือนภัยให้คนในพื้นที่ได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง

2. รายงานสถานการณ์จริงจากพื้นที่ประสบภัยเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข่าวสาร

3. ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ ในลักษณะที่ไม่ใช่การบริจาคเงิน แจกสิ่งของหรือการทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้ง

4. ประสานความช่วยเหลือกับหน่วยงานราชการและภาคประชาสังคมที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในแต่ละพื้นที่

5. ติดตามปัญหาและการช่วยเหลือหลังผ่านพ้นภัยพิบัติไปแล้ว เช่น ติดตามการช่วยเหลือเยียวยาจากหน่วยงานราชการ ฯลฯ

ที่มา Pita Limjaroenrat - พิธา ลิ้มเจริญรัตน์