เครือข่ายนักวิชาการและภาคประชาชนต้านภัยยาเสพติด ออกแถลงการณ์ ให้ยกเลิก "ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับปลดกัญชาออกจากยาเสพติด" เพื่อปิดสุญญากาศกัญชา หลังจากสภามีมติให้ถอน ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง กลับไปทบทวนใหม่
เครือข่ายนักวิชาการและภาคประชาชนต้านภัยยาเสพติด ส่งจดหมายเปิดผนึก ถึงสมาชิสภาผู้แทนราษฎร ที่ลงมติให้ถอนร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ รองนายกรัฐมนาตรี นายวิษณุ เครืองาม ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับปลดกัญชาออกจากยาเสพติด โดยมีรายละเอียดดังนี้
สืบเนื่องจากที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีมติให้ถอนร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ออกจากวาระการประชุมเพื่อให้กรรมาธิการวิสามัญกลับไปทบทวนรายละเอียดใหม่นั้น ทางเครือข่ายนักวิชาการและภาคประชาชนต้านภัยยาเสพติดขอแสดงความเห็นด้วยและขอบพระคุณทุกท่านมา ณ ที่นี้ ด้วยเหตุผล คือ
บทความที่น่าสนใจ
รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ขอให้บิ๊กป้อม เร่งแก้ปัญหากัญชาระบาดในเด็ก
สื่อนอกตีข่าว "อนุทิน" ไม่ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาสูบกัญชา
1. ร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯฉบับนี้มุ่งเน้นกัญชาเพื่อนันทนาการ ไม่ใช่กัญชาทางการแพทย์อย่างที่กล่าวอ้างไว้ จะทำให้เกิดเศรษฐกิจกัญชาเพื่อนันทนาการทั่วประเทศไทย
2. การอนุญาตให้ปลูกกัญชาในครัวเรือนโดยไม่มีมาตรการป้องกันการรั่วไหลที่เพียงพอ จะทำให้เยาวชนนำดอกกัญชาไปสูบ ให้กัน และจำหน่ายอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ และจะมีการนำกัญชาไปใส่อาหารขายทั่วไปโดยไม่บอกผู้บริโภค
3. มาตรการควบคุมการขายและโฆษณากัญชามุ่งควบคุมเฉพาะช่อดอกและยางกัญชา จะเกิดการโฆษณาและส่งเสริมการขายดอกกัญชาโดยใช้กลยุทธ์โฆษณาและส่งเสริมการขายใบกัญชาแทน ในทุกสื่อตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เหมือนกับที่เราได้เห็นการโฆษณาน้ำแร่หรือโซดาแทนการโฆษณาเบียร์อยู่ทั่วไป
4. ร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ฉบับนี้บังคับให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ทำหน้าที่สนับสนุนผู้ประกอบการกัญชา แทนที่จะทำหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภค อันเป็นการบิดเบือนภารกิจหน้าที่ของหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุขอย่างร้ายแรง ประชาชนจะไม่มีหน่วยงานใดช่วยคุ้มครอง
5. ร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ นี้จะนำประเทศไทยไปกระทำผิดต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยยาเสพติด จะส่งผลให้ประเทศไทยอาจถูกลงโทษห้ามนำยาที่จำเป็นบางชนิดเข้ามาใช้ในประเทศไทย (เช่น มอร์ฟีน) เป็นต้น
การมีมติให้ถอนร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ นี้เพื่อให้มีการทบทวนให้รอบคอบจึงเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะการได้กฎหมายที่ไม่มีประสิทธิภาพ จะก่อปัญหามากกว่าแก้ปัญหา
ปัญหาผลกระทบของกัญชาเสรีไม่ได้อยู่ที่ ร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ (ที่ไร้ประสิทธิภาพ) ต้องตกไปแล้วทำให้เกิดสภาวะสุญญากาศ แต่ปัญหาสภาวะสุญญากาศอยู่ที่การคงอยู่ของประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับปลดกัญชาจากการเป็นยาเสพติด
ดังนั้นในขณะที่กำลังพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ นี้ ให้รอบคอบซึ่งต้องใช้เวลา เพราะต้องผ่านกระบวนการทั้งสองสภา หรือ อาจมีการยุบสภาก่อน ประเทศไทยจึงมีความจำเป็นต้อง “ปิดกัญชาเสรีในสภาวะสุญญากาศก่อน” เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อประเทศและอนาคตของเยาวชน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้กล่าวไว้หลายครั้งต่อสาธารณะว่า พร้อมที่จะชะลอการปลดกัญชาเสรี เพียงรอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเรียกประชุมเท่านั้น
เครือข่ายฯ จึงขอเรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับปลดกัญชาจากการเป็นยาเสพติด เพื่อ “ปิดสภาวะสุญญากาศทันที” ในขณะที่กำลังพัฒนาร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ฉบับนี้ให้รอบคอบ ประเทศไทยจะกลับไปเป็น “กัญชาทางการแพทย์” อย่างเดิม
ซึ่งจะสามารถพัฒนาให้ผู้ป่วยเข้าถึงกัญชาทางการแพทย์ให้ดียิ่งขึ้นได้ต่อไป หากทำเช่นนี้จะเรียกได้ว่าเป็นนโยบายกัญชาที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม