นายกเทศมนตรีนิวยอร์ก ประกาศว่า "โรคผีดาษลิง" เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข ทำให้รัฐนิวยอร์กกลายเป็นเมืองที่สองต่อจากซานฟรานซิสโกที่ประกาศภาวะฉุกเฉิน
เมืองนิวยอร์ก ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิง (Monkeypox) โดยกล่าวว่าเมืองนี้เป็นศูนย์กลางของการระบาดของรัฐนิวยอร์ก และจะรีบออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อช่วยชะลอการแพร่กระจายของโรค
ทำให้นิวยอร์กเป็นเมืองที่สองที่ประกาศภาวะฉุกเฉิน ต่อจากซานฟรานซิสโกที่ประกาศภาวะฉุกเฉินไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 ก.ค. ที่ผ่านมา
เอริก อดัมส์ (Eric Adams) นายกเทศมนตรีเมืองนิวยอร์ก และ ดร.แอชวิน วาซาน (Dr. Ashwin Vasan) ผู้บัญชาการแผนกสุขภาพและสุขภาพจิตของเมือง ร่วมกันแถลงการณ์ว่า "เราคาดว่าชาวนิวยอร์กประมาณ 150,000 คนในปัจจุบันอาจมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคฝีดาษลิง การระบาดครั้งนี้ต้องได้รับการตอบสนองด้วยความเร่งด่วน การดำเนินการ และทรัพยากรทั้งในระดับประเทศและระดับโลก และการประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขนี้สะท้อนให้เห็นถึงความร้ายแรงของช่วงเวลานี้"
แถลงการณ์ดังกล่าวมีผลทันที
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง :
การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก เคธี่ โฮชุล (Kathy Hochul) ออกคำสั่งของผู้บริหารที่ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านภัยพิบัติของรัฐ โดยกล่าวว่า "ผู้ป่วยโรคฝีดาษมากกว่าหนึ่งในสี่ในประเทศนี้" อยู่ในรัฐนี้ ในบรรดาการกระทำอื่น ๆ คำสั่งของผู้ว่าฯ ขยายจำนวนผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับวัคซีนโรคฝีดาษได้ กำหนดให้ผู้ให้บริการส่งข้อมูลวัคซีนไปยังกรมอนามัยของรัฐ และจะเพิ่มความพยายามในการตอบสนองอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความพยายามที่จะรับวัคซีนเพิ่มและขยายขีดความสามารถในการทดสอบ
ผู้นำคนอื่น ๆ ในสหรัฐฯ และทั่วโลกต่างส่งเสียงเตือนเกี่ยวกับโรคฝีดาษลิง เนื่องจากจำนวนการติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอุปทานวัคซีนไม่เพียงพอต่อความต้องการ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญ อย่าง ดร.แอนโธนี เฟาซี (Dr.Anthony Fauci) นายแพทย์ใหญ่ของสหรัฐฯ ยังเน้นย้ำว่า การระบาดของโรคฝีดาษลิงนั้นจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างจริงจังและจัดการอย่างเข้มงวดมากขึ้น ในขณะที่เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางยังคงพิจารณาประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขทั่วประเทศต่อไป
ลอนดอน บรีด (London Breed) นายกเทศมนตรีเมืองซานฟรานซิสโก ระบุว่า "เรารู้ว่าไวรัสนี้ส่งผลกระทบต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน - แต่เราก็รู้ด้วยว่าคนในชุมชน LGBTQ ของเรามีความเสี่ยงมากขึ้นในขณะนี้ หลายคนในชุมชน LGBTQ ของเรากลัวและผิดหวัง เหตุฉุกเฉินในท้องถิ่นนี้จะช่วยให้เราสามารถสนับสนุนกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงสุดของเราต่อไปได้ ในขณะที่ยังเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ดียิ่งขึ้น"
ภาวะฉุกเฉินของซานฟรานซิสโกจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค.
เซเวียร์ เบเซอร์รา (Xavier Becerra) รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ของสหรัฐฯ ระบุว่า รัฐบาลยังคงติดตามการตอบสนองต่อโรคฝีดาษลิงและจะใช้เพื่อพิจารณาว่าจะประกาศให้การระบาดนี้เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขหรือไม่
"เราจะชั่งน้ำหนักการตัดสินใจใด ๆ ในการประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขโดยพิจารณาจากการตอบสนองที่เราเห็นทั่วประเทศ สิ่งสำคัญที่สุดคือ เราต้องอยู่ข้างหน้ามัน และสามารถยุติการแพร่ระบาดนี้ได้" เบเซอร์รา กล่าว
ดร.สก็อตต์ เก็ทเลบ (Dr.Scott Gottlieb) อดีตกรรมาธิการคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ (Food and Drug Administration: FDA) ออกคำเตือนเมื่อต้นเดือนนี้ ว่า อาจสายเกินไปที่จะควบคุมการระบาดของโรคฝีดาษลิง โดยระบุ ว่า "ประตูสำหรับควบคุมสิ่งนี้และขังมัน ตอนนี้อาจถูกปิดไปแล้ว"
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) ได้ประกาศให้การระบาดของโรคฝีดาษลิงเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ หลังจากที่ได้เรียกประชุมคณะกรรมการฉุกเฉินชุดที่สองเกี่ยวกับประเด็นนี้
WHO นิยามภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศว่า "เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ธรรมดา" ซึ่งถือเป็น "ความเสี่ยงด้านสาธารณสุขต่อรัฐอื่น ๆ ผ่านการแพร่กระจายของโรคระหว่างประเทศ" และ "อาจจำเป็นต้องมีการตอบสนองระหว่างประเทศที่มีการประสานงานกัน"