สุทิน ซัดอนุทิน รัฐบาลเมากัญชา มาตรการควบคุมหละหลวม ละเมิดกติกาโลก
สุทิน คลังแสง ซัดอนุทิน มาตรการควบคุมกัญชาของรัฐบาลหละหลวม ละเมิดกติกาโลก ตั้งข้อสงสัยมีผลประโยชน์ทับซ้อน
สุทิน คลังแสง ส.ส. มหาสารคาม และ ประธานวิปฝ่ายค้าน อภิปรายไม่ไว้วางใจ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในกรณีเปิดเสรีกัญชา แต่ขาดมาตรการควบคุมที่ชัดเจนว่า ละเมิดกติกาโลกและกฎหมายระหว่างประเทศ , ละเมิดรัฐธรรมนูญไทย , ละเมิดสภาไทย , ละเลยไม่ออกมาตรการควบคุมกัญชา , สร้างความเสียหายต่อประชาชนและประเทศชาติ
สุทินระบุว่า ประเด็นสำคัญวันนี้ ไม่ใช่การล็อกไม่ให้ใช้ประโยชน์จากกัญชา แต่อยู่ระหว่างคำว่า “ใช้ประโยชน์ทางการแพทย์” และ “ใช้อย่างสันทนาการ” ทั้งการผ่านกฎหมายฉบับนี้ยังเป็นไปด้วยข้อวิจารณ์มากมาย เช่น นี่คือการผ่านกฎหมายอย่างหาประโยชน์ทางการเมืองในช่วงใกล้เลือกตั้งครั้งต่อไปอย่างโจ่งแจ้ง โดยไม่สนว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นอย่างไร
ไม่สนว่าขั้นตอนการผ่านกฎหมายนั้นจะละเมิด ละเมิดกติกาโลกและกฎหมายระหว่างประเทศ ละเมิดรัฐธรรมนูญไทย และละเมิดสภาไทยอย่างไร และมากกว่าผลประโยชน์ทางการเมือง คือผลประโยชน์ทางเม็ดเงิน เพราะหนึ่งในบริษัทที่แตกไลน์ทำธุรกิจเกี่ยวกับกัญชา คือคนในตระกูลชาญวีรกูล
ละเมิดสนธิสัญญาสหประชาชาติ
สุทินได้เปิดคลิปปราศรัยของอนุทิน พรรคภูมิใจไทย ในศึกเลือกตั้งปี 2562 ว่ากัญชาจะถูกใช้อย่างเสรี ทุกคนจะมีแต่เสียงหัวเราะ ประชาชนจะปลูกกัญชาขายได้อย่างเสรีและจะรวย อย่างไรก็ตาม สุทินชี้ว่าการปราศรัยบนเวทีครั้งนั้น อนุทินได้กล่าวแต่สิ่งที่ผิดต่อหลักกฎหมาย และละเมิดกติกาโลกและกฎหมายระหว่างประเทศทั้งสิ้น นำมาสู่การผลักดันและผ่านกฎหมายที่ผิดกระบวนการ
เพราะในการออกกฎหมายใดที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือการใช้พืชสมุนไพรที่มีฤทธิ์เกี่ยวกับประสาทในทางการแพทย์นั้น จะมีข้อกำหนดของการใช้ไว้ นั่นคือ อนุสัญญาว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ 1961 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพิธีสาร 1972 ซึ่งประเทศไทยเข้าร่วมเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิก ข้อกำหนดคือทุกประเทศที่ได้ลงนามต้องไปปรับกฎหมายในประเทศให้สอดคล้องกับอนุสัญญานี้โดยทันที
ในช่วงแรกนั้น กัญชาถูกจัดอยู่ในบัญชีที่ 4 หรือคือ ห้ามใช้พืชชนิดนั้นๆ ในทางการแพทย์ แต่ยังคงให้อยู่ในบัญชีที่ 1 หรือคือเสี่ยงเสพติดยาสูง มีแนวโน้มเป็นโทษสูง
แต่ต่อมา เดือนธันวาคม 2020 คณะกรรมาธิการยาเสพติด (CND) หน่วยงานที่กำหนดนโยบายกลางของระบบควบคุมยาเสพติดขององค์การสหประชาชาติ ได้จัดประเภทกัญชาใหม่โดยถอนออกจากบัญชีที่ 4 (ห้ามใช้พืชชนิดนั้นๆ ในทางการแพทย์) แต่ยังคงให้อยู่ในบัญชีที่ 1 (เสี่ยงเสพติดยาสูง มีแนวโน้มเป็นโทษสูง) เพื่อเปิดให้นานาประเทศได้ใช้ประโยชน์จากกัญชาในทางการแพทย์และวิจัย
นั่นก็หมายความว่า CND ยังคงระบุว่ากัญชายังเป็นยาเสพติดร้ายแรงอยู่ แต่อนุโลมให้ใช้กัญชาในทางการแพทย์และการวิจัย
อย่างไรก็ตาม มีรัฐบาลบางประเทศ เข้าใจผิดและเข้าข้างตัวเองว่าประกาศใหม่จาก CND นั้นเอื้อให้เกิดการใช้ในทาง ‘สันทนาการและอย่างเสรี’
สุทินกล่าวต่อไปว่า ในการประชุม ค.ร.ม. เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2565 อนุทินได้นำเสนอเรื่องการปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติด ขอให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะประธานคณะกรรมการ ป.ป.ส. ให้การสนับสนุนร่างประกาศกำหนดชื่อยาเสพติด วันนั้น สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว. ยุติธรรม ได้ตั้งข้อสังเกตว่า การถอดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดจะขัดกับอนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษของสหประชาชาติ
แต่อนุทินชี้แจงว่า อนุสัญญาเดี่ยวฯ นั้นไม่ได้บังคับว่าต้องให้กัญชาเป็นยาเสพติด ทั้งนี้ พลเอกประยุทธ์ ได้กล่าวสำทับในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่าอนุสัญญาเดี่ยวฯ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ให้เอาไว้ก่อน แต่ขอให้ทำเรื่องกัญชาให้สำเร็จตามนโยบายรัฐบาล
“ตนจะถามพลเอกประยุทธ์ว่า เรื่องอนุสัญญาเดี่ยวเอาไว้ก่อนนี่แปลว่าอะไร? แปลว่าประชาชนเอาไว้ก่อนใช่หรือไม่? และว่า ที่พลเอกประยุทธ์พูดเช่นนี้ เพราะตั้งใจเอาประชาชนไว้ทีหลัง หลักการไว้ทีหลัง กฎหมายไทยและกฎหมายโลกไว้ที่หลัง แต่เอาผลประโยชน์ทางการเมืองของพรรคร่วมรัฐบาลไว้ก่อนใช่หรือเปล่า?” สุทิน กล่าว
มติสภาไม่เคยอนุมัติ ปล่อยผีกัญชา ทั้งที่หลายองค์กรคัดค้าน
สุทินระบุว่า ที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรไม่เคยอนุญาตให้ปลดล็อกกัญชาเสรี เพียงแต่มีมติให้ใช้ในทางการแพทย์ และประกาศจากกระทรวงสาธารณสุข ‘กัญชาเสรี’ โดยยังไม่มีกฎหมายควบคุมนี้ หากไปฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ อาจถูกตีความว่าเป็นประกาศที่ตีความเกินกว่ามติ ครม. ได้
ท่ามกลางเสียงคัดค้านของหลากองค์กร ตั้งแต่ มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.) , แพทยสภา สภาวิชาชีพด้านสาธารณสุข , ศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด (ศศก.) , ราชวิทยาลัยจิตแพทย์ฯ , ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย, กรุงเทพมหานคร , กระทรวงศึกษาธิการ , มหาวิทยาลัย , สภาองค์กรของผู้บริโภค และประเทศต่างๆ กว่า 20 ประเทศ
แต่สิ่งที่เกิดวันนี้คือ มีกัญชาขายแพร่หลายไปทั่ว รูปชาวบ้านสูบบ้องกัญชาแพร่หลาย ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือคลิปวิดีโอเด็กๆ นักเรียนใส่เครื่องแบบแต่เมากัญชาล้มพับอยู่หน้ารั้วโรงเรียน ทั้งหมดนี้คือความมั่วของรัฐบาลที่ผ่านกฎหมายเพื่อหวังผลการเมืองอย่างไม่สนใจผลลัพธ์ที่จะเกิดตามมา
คำถามคือ จะทำอย่างไรกับบรรยากาศเช่นนี้ ? วันนี้ที่ยาเสพติดแพร่ระบาดและราคาถูก กัญชาที่ยังถือเป็นยาเสพติด เมื่อเสพแล้วยังเสี่ยงที่จะเสพติดสูงและมีแนวโน้มเป็นโทษสูง แต่วันนี้ถูกปลดล็อกโดยไม่มีการควบคุม นี่จะยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ให้ยิ่งเลวร้ายยิ่งขึ้นหรือไม่ เราจะรับผิดชอบต่อชีวิตเยาวชนได้อย่างไร?
ข้อสงสัยเพิ่มเติม
ข้อสงสัยที่ดังระงบไปทั่วสังคมก็คือ การที่บริษัท STPI เครือ ‘ชิโน-ไทย’ ของตระกูลชาญวีรกูล ได้ตั้งบริษัทลูกถือหุ้น 100% แตกไลน์ผันตัวจากธุรกิจเหล็กมาลุยธุรกิจกัญชง ความเคลื่อนไหวในธุรกิจเช่นนี้เป็นผลมาจากคนในตระกูลเดียวกันตั้งใจจะผลักดันกฎหมายกัญชาเสรีให้ผ่านหรือไม่ แม้ว่าอนุทินจะเคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่าไม่ได้มีส่วนกับบริษัทดังกล่าวแล้วก็ตาม แต่ประเด็นนี้ไม่อาจทำให้ประชาชนสิ้นสงสัยเรื่อง “ผลประโยชน์ทับซ้อน” มูลค่าหลายพันล้านนี้ได้เลย
