พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปาฐกถาลั่น "โธ่ ทำไมจะไม่อยากลดราคาน้ำมัน อยากลดจะตายอยู่แล้ว" ถาม "ถ้าไม่กู้แล้วจะเอา GDP มาจากไหน ใช่ว่าอยากจะกู้ ไม่จำเป็นแล้วใครจะอยากกู้"
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไปร่วมเปิดงาน FTI Expo 2022 ภายใต้แนวคิด Shaping Future Industries for Stronger Thailand ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ จ.เชียงใหม่ พร้อมด้วย นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน , พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย , นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
Shaping Future Industries for Stronger Thailand เป็นโมเดลเศรษฐกิจ BCG ซึ่งมีความสำคัญต่อประเทศในมิติต่าง ๆ ทั้งด้าน เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมผลักดัน Soft Power ของไทย เพื่อเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์นำไปสู่เป้าหมายการพัฒนาประเทศให้มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวปาฐกถาต้นหนึ่งว่า ถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่ได้มีโอกาสมาพบกัน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดกำหนดฉากทัศน์ใหม่อุตสาหกรรมของไทยไปสู่อนาคตที่เข้มแข็ง ทุกคนทราบดีว่าประเทศไทยมีศักยภาพอยู่หลายประการด้วยกัน ทั้งด้าน การเกษตร อุตสาหกรรม 12 อุตสาหกรรม
วันนี้โลกกำลังเผชิญความท้าทายเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงไปสู่โลกยุคใหม่ ไม่ว่าจะคนความคิดแนวปฏิบัติเทคโนโลยีต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไปทั้งหมดในขณะนี้นี่คือโลกยุคใหม่ ถ้าหากจำได้ตนเคยพูดไว้นานแล้วว่าวันนี้โลกไปสู่ยุค Digital Disruption ที่จะเกิดขึ้นก็มีมากมาย"
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง :
ตนจำได้ตั้งแต่เข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ วันนี้กำลังเผชิญหน้ากับสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นความก้าวหน้าหลายสาขาส่งผลทำให้การพัฒนานวัตกรรมมีความจำเป็นมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อชีวิตประจำวันของเราทุกคนโดยเฉพาะเรื่องการผลิตของทุกประเทศไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย ที่จะต้องรับมือกับสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง เรียกได้ว่าเป็นสายลมเบา ๆ หากอยู่ไปอีกนาน ๆ ก็คงเป็นพายุ
นี่คือช่วงต้นของพายุ เป็นเวลาที่เหมาะสมที่เราต้องคุยกันให้เข้าใจทั้ง 2 ซีกทั้งภาครัฐ และสมาคมหอการค้า จะต้องจับมือไปด้วยกันไม่อย่างนั้นเป็นไปไม่ได้ นโยบายของตนที่ผ่านมาพยายามที่จะขับเคลื่อน โดยรัฐบาลจะเป็นผู้ที่จะเปิดการพบปะพูดคุยเจรจาระดับผู้นำประเทศผ่านสถานทูต เพื่อให้เกิดการเจรจาระหว่างการปลดล็อคหาวิธีการในการที่จะเจอกันให้ได้
ทุกคนคงทราบว่าอะไรปรับได้ เปลี่ยนได้ หากเปรียบเทียบภาพที่ว่าเมื่อรู่ ตนเปรียบกับรัฐบาล เปรียบเทียบประเทศไทย เป็นรถยนต์คันหนึ่งพาคน 70 ล้านคนไปข้างหน้า จะรถอะไรก็ไม่รู้เป็นรถคันใหญ่ ๆ คันหนึ่งที่จะขับเคลื่อนคนทุกคนในประเทศไทย ทั้งคนต่างประเทศและคนไทย ที่จะขับเคลื่อนต่อไปข้างหน้าในเวทีโลก ทำให้รถยนต์เครื่องนี้ไม่ติดขัดทำให้ประชาชนที่อยู่บนรถนั้นสะดวกสบายในการเดินทาง
ยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเกี่ยวกับเครื่องจักรเครื่องยนต์เทคโนโลยีพลังงานเกี่ยวกับคนในรถ ซึ่งมีความหลากหลาย ต่างอาชีพ ต่างวัย ต่างขีดความสามารถ แต่จะทำอย่างไรให้รถคันนี้สามารถวิ่งได้ สิ่งแรกที่ทำได้ในขณะนี้คือเตรียมรถให้ดี พาคนขึ้นรถให้ได้ คนขึ้นรถรับแรกคือพวกเราเพื่อจะไปดูว่ารถคันนี้จะไปข้างหน้าไหวหรือไม่ แล้วพร้อมเมื่อไหร่ให้เอาคนขึ้นมา และเอาคนที่ทำรถคันนี้ไปขึ้นรถคันอื่น สร้างรถหลาย ๆ คันออกมา ตนคิดว่าน่าจะต้องคิดแบบนี้
เพราะฉะนั้นวิกฤติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้ง โควิด-19 เป็นเรื่องของห่วงโซ่มีผลกระทบทั้งหมด แต่เราต้องย้อนกลับมาดูว่าวันนี้ รัฐบาลได้ทำอะไรไว้แล้วบ้าง หลายอย่างตั้งแต่ช่วงสมัยโควิด-19 เราใช้งบประมาณจำนวนมากในการดูแลเรื่องสุขภาพ หลายคนบอกว่า ไม่เห็นได้ประโยชน์กับใครเลย ไม่ได้ทำให้รายได้ดีขึ้นคนละเรื่อง สิ่งสำคัญที่สุดคือสุขภาพ เมื่อสุขภาพดีก็ดำรงชีวิตอยู่ได้ แน่นอนว่าหากประชาชนลำบากนายกฯ เจ็บปวดเห็นใจ เห็นได้ว่าอะไรทำได้ตนก็จะทำให้ได้มากที่สุดอย่างระมัดระวัง ไม่ใช่ประเทศไทยนึกจะทำอะไรก็ทำได้
ประเทศไทยถือเป็นประเทศสำคัญประเทศหนึ่งในโลกที่หลายประเทศพุ่งเป้าให้ความสำคัญในยังประเทศไทย เป็นพื้นที่เป้าหมายสำคัญในการลงทุน อยู่อาศัยทำงาน เพราะเราดูแลเขาให้ดีที่สุด แต่คนไทยหลายส่วนอาจจะมีความไม่สบายใจ เข้ามาเพื่อทำให้เกิดประโยชน์ให้กับประเทศไทย เอาเทคโนโลยีมาใส่เราจนมองว่าคุ้มค่าอย่าห่วง รัฐบาลมีมาตรการที่รัฐคุมอยู่แล้ว
ส่วนราคาพลังงาน ค่าขนส่งแพงขึ้น น้ำมันมันแพง น้ำมันมาจากที่ไหน ซื้อเขามาใช่หรือไม่ น้ำมันทั้งหมดไม่ได้ซื้อตรงประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่ต้องผ่านกลไกอยู่แล้ว ไม่ว่าจะของใคร ทั้งตลาดเบรนท์ ตลาดโอเปค ทั้งหมดมีระเบียบบังคับ เพราะฉะนั้นทุกอย่างมีมาตรฐานกลาง ราคาพลังงานสูงขึ้นค่าขนส่งแพงขึ้นต้นทุนสินค้าอุปโภคบริโภคแพงขึ้น มีปัญหาเงินเฟ้อซึ่งเป็นผลจากการดำเนินการการเงินการคลังของต่างประเทศ
นายกฯ กล่าวว่า "เรื่องน้ำมันติดปัญหาทั้งโลก โธ่ ทำไมจะไม่อยากลด อยากลดจะตายอยู่แล้ว" พร้อมแซวนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน "เดินไปไหน นั่งไม่ติด ไฟจะไหม้อยู่แล้ว แต่ไม่ไหม้ จุดไม่ติด เพราะน้ำมันน้อย ส่วนเรื่องราคาน้ำมัน อยากลด พูดจนกางเกงหลวมแล้ว"
พร้อมเสริมว่า "ทุกเรื่องจะเกิดมูลค่าได้ ด้วยการสร้างสตอรี่ ไม่ใช่สตรอเบอรี่ สิ่งสำคัญคือความรัก ความสามัคคีของคนไทย ตนไม่ต้องการทะเลาะกับใครอีกแล้ว"
ค่าเงินบาทอ่อน ยอมรับว่ามีทั้งผลดีผลเสีย ได้ประโยชน์คือการส่งออก แต่ต้องพยายามดูอย่างรัดกุมที่สุด โดยเฉพาะธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลัง จะทำอย่างไรให้การเงินการคลังของประเทศไม่อ่อนแอลง เป็นหลักยืนยันให้ทุกประเทศในโลกเชื่อมั่นในเสถียรภาพทางการเงินการคลังของไทย ซึ่งขณะนี้ในระดับ BBB+ แม้ว่าเราจะมีการกู้เงินมาใช้บ้าง แต่ก็ยังคงแข็งแรงอยู่ แต่ไม่ได้หมายความว่าอยากจะกู้ ไม่จำเป็นแล้วใครจะอยากกู้
ตนขอถาม "ถ้าไม่กู้แล้วจะเอา GDP มาจากไหน เพิ่มรายรับมาจากครัวเรือนได้อย่างไร แต่วันนี้ทั้งหมดจะเดินไปด้วยกันใช่หรือไม่" ทั้งรัฐเอกชนธุรกิจและภาคประชาชน ไม่ได้มีเฉพาะโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่มีขนาดกลางขนาดเล็ก เพราะคือห่วงโซ่เดียวกันตั้งแต่การผลิตการแปรรูป การขนส่งโลจิสติกส์ รวมถึงการจำหน่ายตลาดในประเทศตลาดในพื้นที่ ใช้ประโยชน์จากการเจรจา ซึ่งวันนี้วันนี้โลกเปลี่ยนเป็น 3 ขั้ว แต่ตนคงไม่ต้องกล่าวว่ามีขั้วอะไรบ้าง ยืนยันว่าไทยได้รับการยอมรับจากหลายประเทศในเรื่องการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 และรัฐบาลต้องดูแลทุกคนที่อยู่ในประเทศไทยโดยไม่มีข้อยกเว้น
นายกฯ กล่าวว่า ต้องการให้ดินแดนอาเซียนเป็นดินแดนแห่งความสงบสุข มีเสถียรภาพ ไม่มีสงคราม เพื่อให้เป็นแหล่งอาหารของโลก ใครจะเป็นอะไรก็ว่าไปเถอะ แต่อย่างไรเราก็ไม่อดตาย เพราะฉะนั้น เราจะต้องดูแลให้การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม แต่ใครจะขัดแย้งก็ว่ากันไปเราต้องรักษาตรงนี้ไม่ให้ได้
โดยช่วงหนึ่ง นายกฯ ยังกล่าวถึงการผ่อนคลายมาตรการให้สวมใส่หน้ากากอนามัย ที่สาธารณะตามความสมัครใจ ระบุว่า ต้องระมัดระวังตัวเองทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับสิทธิส่วนบุคคล หากจะไปออกกฎหมายบังคับอะไรคงไม่ไหว หากไม่อยากเป็นก็ใส่หน้ากากเวลาอยู่ที่คนเยอะ ๆ เพราะเป็นเรื่องของความสมัครใจ อย่าไปกลัวว่าคนจะบูลลี่ว่าใส่หน้ากากกลัวอะไรนักหนา คนพูดนั้นติดมาเยอะแล้ว คนเยอะก็ระวังเสียหน่อย
เปิดประเทศอย่างมียุทธศาสตร์อย่างมีเงื่อนไข ไม่ใช่เปิดไปเรื่อย จะทยอยเปิดตามลำดับเมื่อสถานการณ์มีปัญหาก็เบรคซะหน่อย เพราะใครเพราะผมหรอ เพราะพวกเราทุกคนที่ช่วยกันเพราะประชาชนทุกคน ช่วยๆกันไม่มีอะไรที่ทำสำเร็จได้ที่คนคนเดียวหรือฝ่ายเดียว หรือหน่วยงานเดียวไม่มีทาง เพราะนี่คือของการทำงานร่วมกันด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างพูด แล้วจะฟังใคร ต้องเอามาให้ได้เป็นคำพูดเดียว ตนไม่อยากไปลงในรายละเอียด ทั้งหมดคือแนวทางและการที่รัฐบาลทำมาโดยตลอด ต้องปรับเปลี่ยนปรับแก้ทั้งในสภาและนอกสภาและยังก็ดีขึ้นอะไรที่สามารถทำได้ในเชิงบริหารตนก็ทำให้ทั้งหมด
นายกฯ กล่าวว่า ยังขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันด้วย ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่ารัฐบาลพูดอะไรทำไม่ได้ ก่อนที่จะกล่าวติดตลกว่าตนพูดสู้ประธานหอการค้าไม่ได้อยู่แล้ว พูดไม่ดีก็จะโดนโห่ สิ่งสำคัญคือถ้าร่วมมือร่วมใจร่วมใจกล่าวทุกวัน เศรษฐกิจไทยโดยรวมจะเป็นไปในทิศทางบวกมากขึ้น พร้อมกับกล่าวชมคนไทยไม่ด้อยกว่าคนอื่น ไม่อย่างนั้นคงไม่อยู่รอดมาได้ถึงทุกวันนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือความรักความสามัคคี เสถียรภาพ เราทะเลาะกันไม่ได้อีกแล้ว ตนไม่ต้องการทะเลาะกับใคร ตนทำให้ทุกคนทำให้ทุกจังหวัด ตนลงแผนงานโครงการให้ทุกจังหวัดแม้ว่าจะรักตนหรือไม่ แต่ตนก็ทำให้เขาเขาเป็นหน้าที่ของตน เลิกกันเสียทีไม่เกิดอะไรขึ้น จะไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลยสิ่งที่ทำมาแต่สูญเปล่าไปเฉย ๆ เราต้องการเห็นประชาชนก้าวหน้าประชาชนอยู่ดียินดีแข่งขันกับประเทศอื่นได้เราต้องจับมือเดินหน้าไปด้วยกัน
ก่อนที่จะกล่าวย้ำในช่วงท้ายว่า ต้องนั่งรถคันเดียวกันไป จะเป็นจะตายก็ต้องช่วยกันเข็น ส่วนใครจะนำก็ต้องว่าไป แต่สิ่งที่ทำวันนี้ต้องต่อเนื่อง ถ้าบอกว่าไอ้นู้นก็ไม่ดี ไอ้นี่ไม่ใช่ ก็ไม่ถูก ตนไม่ได้ว่าใคร ว่าตัวเอง ตนชอบพูดหาเรื่องแบบนี้แหละ แต่พูดด้วยหัวใจ หัวใจของตนเพื่อประชาชน