อนุทิน เผย ไทยถึงเวลาแล้ว ในการปรับโควิด-19 สู่โรคประจำถิ่น ชี้กรณีการถอดหน้ากากอนามัย สามารถถอดได้ โดยไม่ต้องรอประกาศอย่างเป็นทางการ ให้ประชาชนประเมินความเสี่ยงตามความเหมาะสม
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปฐากถาพิเศษ หัวข้อ เตรียมความพร้อมรับมือโควิด-19 สู่การเป็นโรคประจำถิ่น โดยกล่าวบนเวที ตอนนี้สถานการณ์โควิด 19 เริ่มคลี่คลายซึ่งเป็นผลมาจากประสิทธิภาพในการป้องกันควบคุมโรค รวมถึงประชาชนให้ความร่วมมือ ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่จะต้อปรับโควิดสู่โรคประจำถิ่น โดยตอนนี้ถือว่าเป็นโรคที่เราจะต้องอยู่ร่วมโรคให้ได้
แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือการเข้ารับวัคซีน และวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยวัคซีนถือเป็นตัวช่วยในการควบคุมโรคให้มีประสิทธิภาพ ขณะที่การใส่หน้ากากอนามัย ส่วนตัวมองว่ายังเป็นสิ่งสำคัญนอกจากป้องกันโควิด-19 แล้ว ยังป้องกันโรคทางเดินหายใจอื่นๆ ได้อีกด้วย
ส่วนการประกาศถอดหน้ากากอนามัย รมว.สาธารณสุขระบุว่า คงจะไม่มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ แต่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาส่วนบุคคลว่าจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับสถานที่ที่เราไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• เชียงใหม่พร้อมขานรับ "ถอดแมสก์" หากมีมาตรการผ่อนปรน นำร่องจากพื้นที่โล่ง
• จับตา! ประชุมผู้บริหารกทม. ชัชชาติ จ่อให้ถอดแมสก์ที่โล่ง
• ภูเก็ต ยกเลิกคำสั่ง “ถอดหน้ากากอนามัย” เมื่ออยู่ในบริเวณโล่งแจ้งแล้ว
ส่วนประเด็นวัคซีนโควิด-19 ที่ชมรมแพทย์ชนบทออกมาให้ความเห็นว่าการกระจายวัคซีนจำนวน 16.8 ล้านโดสให้กับ รพ.สต. เป็นการนำวัคซีนไปทิ้งขยะหน้าบ้านเพื่อนนั้น ไม่มีใครจะเอาวัคซีนโควิดออกไปทิ้งข้างนอก เพราะวัคซีนถือเป็นสิ่งที่มีค่า ยืนยันที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุข มีการจัดหาวัคซีนเวชภัณฑ์ ยา ทุกอย่าง ที่มีประโยชน์ต่อประชาชน ไม่ว่าจะรักษาโควิดหรือโรคใดๆ ก็ตาม.
ในช่วงเวลานี้ที่กำลังมีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ มากขึ้นก็อยากทำความเข้าใจกับประชาชนว่าหากมีการปรับโควิดสู่โรคประจำถิ่นอยากให้ประชาชนมั่นใจว่ากระทรวงสาธารณสุขมีระบบในการรองรับและเตรียมพร้อมไว้
ส่วนเรื่องกัญชาเสรีทางการแพทย์ วันนี้ กฎหมาย พ.ร.บ. กำลังถูกพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรโดยได้ถูกเลื่อนพิจารที่เร็วขึ้นในเนื่องจากในวันพรุ่งนี้ 9 มิถุนายน จะครบ 120 วัน กัญชากัญชง จะถูกใช้อย่างเสรีเพื่อให้มีกฎหมายในการรองรับเพื่อไม่ให้เกิดผลเสียในการใช้.
โดย อนุทิน ได้ขอขอบคุณ เจ้าหน้าที่ทุกกรมในกระทรวงสาธารณสุข ที่ร่วมกันเดินหน้ากัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจ และปลดล็อคทางการแพทย์ เพื่อเป็นรายได้ให้กับประชาชน