ราคาน้ำมันลดลง หลังกลุ่ม OPEC พิจารณาเพิ่มกำลังผลิตชดเชยส่วนรัสเซีย

ราคาน้ำมันโลกปรับตัวลดลงหลังจากที่กลุ่มองค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (Organization of the Petroleum Exporting Countries: OPEC) อาจเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบมากขึ้นเพื่อชดเชยในส่วนที่คว่ำบาตรรัสเซียไปจากกลุ่มประเทศตะวันตก

ก่อนหน้านี้ OPEC กำลังสำรวจแนวคิดที่จะระงับข้อตกลงการจัดหา OPEC+ ร่วมกับทางประเทศรัสเซีย ซึ่งจะช่วยให้ประเทศต่าง ๆ เช่น ซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สามารถก้าวเข้ามาและบรรเทาวิกฤติอุปทานที่ผลักดันราคาน้ำมันดิบโลกให้สูงกว่า 120 ดอลลาร์ (4,125.60 บาท) ต่อบาร์เรลในสัปดาห์นี้

ซาอุดีอาระเบีย ผู้นำโดยพฤตินัยของ OPEC ได้ระบุกับพันธมิตรตะวันตกว่า พวกเขาพร้อมที่จะเพิ่มการผลิตน้ำมัน หากผลผลิตของรัสเซียลดลงอย่างมากอันเป็นผลมาจากการคว่ำบาตรที่บังคับใช้ต่อการรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ ข้อตกลงอาจเกิดขึ้นระหว่างการประชุมของ OPEC และรัฐมนตรีพลังงานรัสเซีย

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง :

• รัฐบาลอินเดียซื้อน้ำมันรัสเซียอย่างต่อเนื่อง
• รัสเซีย อาจตัดการส่งก๊าซธรรมชาติให้เดนมาร์ก-เนเธอร์แลนด์
• ราคาน้ำมันวันนี้ 2 มิ.ย. 2565 เช็กราคา เบนซิน แก๊สโซฮอล์ ดีเซล ลิตรละเท่าไหร่

ก่อนหน้านี้ ซาอุดีอาระเบียปฏิเสธคำขอของสหรัฐฯ ที่จะเพิ่มการผลิตเกินโควตาที่ตกลงกับรัสเซียและผู้ผลิตอื่น ๆ ที่ไม่ใช่กลุ่ม OPEC แต่ความกังวลว่าราคาที่สูงเสียดฟ้าอาจทำให้โลกเข้าสู่ภาวะถดถอยดูเหมือนจะกระตุ้นให้มีการคิดใหม่

น้ำมันดิบเบรนต์ (Brent) ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานน้ำมันโลก พุ่งแตะ 125 ดอลลาร์ (4,297.50 บาท) ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ต้น มี.ค. น้ำมัน (WTI) ของสหรัฐฯ เกือบแตะ 120 ดอลลาร์ (4,125.60 บาท) ต่อบาร์เรล ทั้งสองได้ถอยกลับไปเพื่อตอบสนองต่อรายงานของสื่อ โดยที่ Brent ลดลง 2.3% ต่ำกว่า 114 ดอลลาร์ (3,919.04 บาท) และ WTI ลดลง 1.9% อยู่ที่ 113 ดอลลาร์ (3,884.66 บาท)

"การประชุม OPEC+ อาจเป็นเรื่องสำคัญหากรัสเซียได้รับการยกเว้นจากโควตาการผลิต ซึ่งจะทำให้ผู้ผลิตวงสวิงหลักสองราย คือ ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพิ่มการส่งออกเพื่อเติมเต็มช่องว่าง" เจฟฟรีย์ ฮัลเลย์ (Jeffrey Halley) นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ Oanda กล่าว

พร้อมเสริมด้วยว่า "ไม่มีสิ่งใดที่ช่วยบรรเทาปัญหาคอขวด/วิกฤตจากการกลั่นที่ทำให้ราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลพุ่งสูงขึ้นทั่วโลก แต่มันจะเป็นข่าวดีที่หายากสำหรับเศรษฐกิจโลกและการต่อสู้เรื่องเงินเฟ้อ"

การบุกยูเครนของรัสเซียทำให้มหาอำนาจตะวันตกสั่งห้ามการนำเข้าน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์กลั่นของรัสเซีย และเมื่อต้นสัปดาห์นี้สหภาพยุโรปตกลงที่จะยกเลิกการใช้น้ำมันรัสเซียกว่า 90% ภายในสิ้นปีนี้

ในเวลาเดียวกัน รัสเซียได้เริ่มที่จะระงับการส่งออกก๊าซธรรมชาติไปยังบางประเทศในสหภาพยุโรป ส่งผลให้อุปทานพลังงานลดลง ซึ่งทำให้อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ และยุโรปพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ และราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลสูงตลอดกาล

กลุ่ม OPEC+ เผยว่า การผลิตน้ำมันของรัสเซียลดลงประมาณ 1 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา อันเป็นผลมาจากการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก