หมอเฉลิมชัย เผยผลวิจัย วัคซีนป้องกันฝีดาษลิงกับปลูกฝี ต่างกันอย่างไร หลังพบว่าปลูกฝีมีภูมิคุ้มกันอยู่ได้นานนับสิบปี ส่วนวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูงกว่า ขณะที่ทั่วโลกได้ตระหนักร่วมกันถึงโรคติดต่อเก่า แต่มาระบาดใหม่
น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า
ข่าวดี !! มีวัคซีนป้องกันฝีดาษลิงได้ เป็นของเดนมาร์ก รับรองโดย FDA สหรัฐฯ ดีกว่าปลูกฝีแบบเดิม 2 เท่า
หลังจากที่ทั่วโลกได้ตระหนักร่วมกันว่า ได้เกิดมีโรคติดต่อเก่า แต่มาระบาดใหม่คือ ฝีดาษลิง (Monkeypox) โดยได้ระบาดไปแล้ว 17 ประเทศ ทั้งในทวีปยุโรป สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลียนั้น
ทราบกันดีว่า เกิดจากไวรัสในกลุ่ม Orthopoxvirus ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับ ฝีดาษในคนหรือไข้ทรพิษ (Smallpox) แต่เป็นไวรัสคนละชนิดกัน จึงถือว่าเป็นคนละโรค แต่มีอาการใกล้เคียงกัน ทำให้มีการติดตามข้อมูลว่า วัคซีนป้องกันฝีดาษในคน จะสามารถป้องกันฝีดาษในลิงได้หรือไม่ อย่างไร
มีคำตอบออกมาค่อนข้างชัดว่าวัคซีนป้องกันฝีดาษคน สามารถป้องกันฝีดาษลิงได้ราว 85% และจากการตรวจสอบล่าสุดพบว่า นอกจากวัคซีนเก่า (ACAM2000) ที่เคยใช้ได้ผลดีเมื่อหลายสิบปีก่อน โดยวิธีการที่เรียกว่าปลูกฝีคือ หยดวัคซีนหรือหนองฝีลงไป แล้วสะกิด พบว่ามีวัคซีนชนิดใหม่ ที่ไม่ใช่การหยดแล้วสะกิด แต่เป็นการฉีดเข้าชั้นใต้ผิวหนัง (Subcutaneous) ไม่ใช่การฉีดเข้าชั้นผิวหนัง (Intradermal) ที่ผลิตสำเร็จและใช้อยู่ก่อนแล้วเป็นของบริษัทเดนมาร์กและได้รับการรับรองจาก อย.สหรัฐอเมริกา(USFDA)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
WHO เตือนฝีดาษลิง เป็นความท้าทายที่น่ากลัว เช่นเดียวกับสงคราม - โควิด19
ศูนย์จีโนมฯ ถอดรหัสพันธุกรรม ฝีดาษลิง พร้อมพัฒนาชุดตรวจ คาดใช้เวลา 2 สัปดาห์
เบลเยียมกลายเป็นชาติแรก ออกมาตรการ ติดเชื้อโรคฝีดาษลิงสั่งกักตัว 21 วัน
วัคซีนที่เป็นความหวังในการป้องกันฝีดาษลิงกันดังนี้
-วัคซีนชื่อการค้า JYNNEOS
-ผลิตโดยบริษัท Bavarian Nordic A/S ของเดนมาร์ก
-เป็นวัคซีนชนิดเชื้อเป็น ผลิตจากไวรัสสายพันธุ์ใกล้เคียงกับฝีดาษคนชื่อ MVA-BN : Modified Vaccinia Ankara-Bavarian Nordic
-ขั้นตอนการผลิต เลี้ยงไวรัสในเซลล์ไข่ไก่ฟัก (CEF : Chicken Embryo Fibroblast)
-ฉีด 2 เข็ม เข้าชั้นใต้ผิวหนัง ห่างกัน 28 วัน
-ขนาดที่ฉีด 0.5 CC
-ฉีดในคนอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
-ผลข้างเคียงที่พบบ่อยคือ แดง เจ็บบริเวณที่ฉีด มีอาการร้อน คัน และอาจปวดเมื่อยได้
-วัคซีนได้ผลดี กระตุ้นทั้งระบบน้ำเหลือง (Humoral) และระบบเซลล์ (Cellular)
-ป้องกันได้ทั้งโรคฝีดาษคนและฝีดาษลิง
-กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูงกว่าวัคซีนแบบเดิมถึงสองเท่าคือ 152.8 GMT(PRNT) เทียบกับของเดิม 84.4 GMT
ที่น่าสนใจคือการปลูกฝีแบบเดิม ซึ่งทำมาหลายสิบปีแล้วนั้น พบว่าภูมิคุ้มกันอยู่ได้นานนับสิบปี โดยมีค่าครึ่งอายุนานถึง 92 ปี
ส่วนวัคซีนใหม่นี้ กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูงกว่า แต่เป็นวัคซีนใหม่จึงต้องศึกษาต่อไปว่า ภูมิคุ้มกันจะอยู่ได้นานเพียงใด
นับเป็นข่าวดีอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ติดตามเรื่องฝีดาษลิงว่า อย่างน้อยเรามีวัคซีนอยู่ในมือมนุษยชาติ พร้อมที่จะผลิตและนำมาใช้ทันที
แตกต่างกับสมัยที่มีโควิดระบาด ตอนนั้นต้องรอนานนับปี จึงจะมีวัคซีนใช้ ทำให้โรคแพร่ระบาดออกไปกว้างขวางมาก
ประเทศไทยเราเอง ควรเร่งติดต่อและทำการสั่งซื้อวัคซีนทั้งแบบชนิดเก่าและชนิดใหม่ มาสำรองในจำนวนที่เหมาะสม สำหรับการรับมือถ้าเกิดมีการระบาดในช่วงแรก